ขณะที่เพลง Seven Nation Army ของ The White Stripes ดังกระหึ่ม เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจบเกมเมื่อคืนวันศุกร์ แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดี เควิน เดอ บรอยน์ ฮีโร่ของพวกเขา
กองกลางชาวเบลเยียมกำลังจะอำลาทีมอย่างซาบซึ้งหลังจากค้าแข้งกับสโมสรมานาน 10 ปีเต็มไปด้วยถ้วยรางวัล และเขาก็ได้ดื่มด่ำกับการแสดงความชื่นชมจากแฟนๆ ด้วยการเดินรอบสนามเป็นเวลานานก่อนเข้าอุโมงค์ ดาวเตะวัย 33 ปี จะอำลาทีมไปอย่างถาวรเมื่อสัญญาของเขาหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ในเกมนี้ เขาก็สามารถเฉิดฉายท่ามกลางสปอตไลท์ได้อีกครั้งอย่างสมควร ในเกมนัดรองสุดท้ายของเขาที่ เอติฮัด
เดอ บรอยน์ ซัดประตูโทนสุดสวย ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง 1-0 ซึ่งอาจเป็นการการันตีพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า กองกลางรายนี้เผยเมื่อเดือนที่แล้วว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่ไม่ได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่ และต้องการจะพิสูจน์ความสามารถของตนเองหลังจบเกม
“ผมไม่รู้เรื่องอนาคต โชคร้ายจริงๆ” เดอ บรอยน์ ที่ดูจริงจัง กล่าวกับ Sky Sports “ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าผมยังสามารถเล่นที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ทำในสิ่งที่ผมทำในช่วงสี่ห้าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้หรอก”
“เพื่อนร่วมทีมหลายคนคุยกับผม พวกเขาก็เศร้าที่ผมต้องไป มันเป็นไปตามวิถีชีวิต แต่ฟอร์มการเล่นของผมคือสิ่งที่ผมควรจะเป็น ผมแค่พยายามเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเหลือเกมที่นี่อีกหนึ่งนัด ผมพยายามทำงานของผมเหมือนเคยและผมก็ทำได้ ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ”
Another day, another goal on Kevin De Bruyne’s Man City farewell tour pic.twitter.com/cNWJQdvBY3
— B/R Football (@brfootball) May 2, 2025
“แค่ขอบคุณ” จาก กวาร์ดิโอล่า ถึง เดอ บรอยน์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เดอ บรอยน์ จะได้รับการจารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก เมื่อเขาอำลาทีมไปในช่วงซัมเมอร์ อดีตผู้เล่น เชลซี และ โวล์ฟสบวร์ก คว้าทุกแชมป์ที่เป็นไปได้กับ ซิตี้ รวม 16 ถ้วยรางวัล
แม้ว่าอาการบาดเจ็บต่อเนื่องจะส่งผลกระทบ และอิทธิพลในสนามของ เดอ บรอยน์ อาจจะดูน้อยลงไปบ้าง แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ยังทำได้ด้วยการจบสกอร์จังหวะเดียวอย่างเยือกเย็นจากลูกครอสของ เฌเรมี่ โดกู กัปตันทีมได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ฟิล โฟเด้น ลงมาแทนในช่วงหกนาทีสุดท้าย และได้รับการตบศีรษะจาก กวาร์ดิโอล่า หลังเดินออกมา
“แค่ขอบคุณ” กวาร์ดิโอล่า กล่าวกับ Sky Sports “การมีส่วนร่วมของเขาในเกมกับ คริสตัล พาเลซ ตอนที่เราตามหลัง 2-0 และเขาก็ทำได้ และวันนี้ก็ยิงประตูได้อีกครั้ง ผมมีความสุขที่มันจบลงแบบนี้ และเราเหลือเกมที่ เอติฮัด อีกหนึ่งนัด”
“ผมต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ เควิน มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสิ่งเหล่านี้มาหลายปีโดยไม่มีเขา เขาเป็นผู้เล่นที่น่าทึ่ง แต่สถานการณ์มันก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาใครมาแทนผู้เล่นประเภทนี้ ไม่ใช่แค่ฟอร์มการเล่น แต่มันคือความหมายที่เขามีต่อหัวใจของแฟนๆ ของเรามานานหลายปี ความสำเร็จที่เรามีเป็นของนักเตะ”
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่ง่ายสำหรับเขา แต่ประตูนั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา มันช่วยยกระดับจิตใจของเรา เขาไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไร ผมรู้คุณภาพและระดับของเขาดี” กวาร์ดิโอล่า เสริม
ไม่ต่อสัญญา ‘การตัดสินใจทางธุรกิจ’
เกมเหย้านัดสุดท้ายของ เดอ บรอยน์ จะเป็นเกมพบ บอร์นมัธ ในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยมีเกมเยือน เซาแธมป์ตัน และ ฟูแล่ม รออยู่ และเขาสามารถสร้างตอนจบในฝันได้หาก ซิตี้ เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่ เวมบลีย์
“บางทีเขาอาจจะยังดีพอที่จะเล่นที่นี่” ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง แมนฯ ซิตี้ กล่าว “บางทีเขาอาจจะไม่ได้เพรสซิ่งเหมือนเดิม แต่คุณภาพ – เขาเชื่อว่าเขายังสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้ เขาบอกว่าตอนนี้เขาเล่นโดยไม่มีอาการบาดเจ็บแล้ว”
“แต่อายุมากขึ้น และร่างกายของคุณก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่คุณต้องการได้ แต่เขาเก็บบอลได้และความฉลาดทางฟุตบอลของเขาก็ยังอยู่ เขาบอกกับสโมสรว่า ‘ผมยังเล่นในระดับนี้ได้'”
“ผมพูดในฐานะแฟนบอล และผมเป็นแฟนของ KDB บางอย่างในใจผมบอกว่า ‘อีกปีเดียว’ – เขายังทำได้ บางทีมันอาจจะเป็นแค่การตัดสินใจทางธุรกิจ”
ริชาร์ดส์ พูดมีเหตุผลหรือไม่? เดอ บรอยน์ ยิงไป 30 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่อายุ 30 ปี โดยมีเพียง เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ยาย่า ตูเร่ เท่านั้นที่ยิงให้ ซิตี้ ได้มากกว่า (41 ประตูเท่ากัน) เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกนับตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ ที่มีส่วนร่วมกับประตูถึง 250 ครั้งภายใต้การคุมทีมของ กวาร์ดิโอล่า (92 ประตู 158 แอสซิสต์ใน 9 ฤดูกาล)
ขณะเดียวกัน วูล์ฟส์ คงดีใจที่จะได้เห็น เดอ บรอยน์ ย้ายออกไป เนื่องจากกองกลางรายนี้ยิงไปแล้ว 6 ประตูและทำอีก 5 แอสซิสต์ จาก 11 เกมลีกที่พบกับพวกเขา แต่ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ดาวเตะชาวเบลเยียมได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เพียง 43 นัด เนื่องจากอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง
เจมี่ คาราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล กล่าวว่า เดอ บรอยน์ ยังคง “เหนือกว่าผู้เล่นระดับโลกคนอื่นๆ อยู่หลายขั้น” เสริมว่า: “เขาไม่คิดว่าตัวเองจบสิ้นในระดับท็อปแล้ว เขายังคิดว่าเขาสามารถเล่นในระดับสูงสุดของฟุตบอลยุโรปได้ ผมเคยคิดว่าบางทีเขาอาจจะไป ซาอุดีอาระเบีย หรือ อเมริกา แต่หลังจากได้ฟังเขาพูด ดูเหมือนว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนั้น”
“เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลกฟุตบอลและบาดเจ็บมาเยอะ มันยากที่จะหาเหตุผลในการให้สัญญาใหม่กับเขาจากมุมมองทางธุรกิจ เขายังคงเป็นสตาร์ แต่เขาจะไม่ได้ลงเล่นทุกสัปดาห์”
“มาพูดถึงเรื่องรูปปั้นกัน – สำหรับผม เขาคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้”