7msport

เบรนท์ฟอร์ด สร้างผลงานสุดเซอร์ไพรส์ บุกไปดับความหวังในการลุ้นโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ถึงถิ่น ซิตี้ กราวด์ ด้วยชัยชนะ 2-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เพียงสี่วันหลังจากพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ทัพ “เจ้าป่า” ดูเหมือนจะขาดความคิดสร้างสรรค์ในการเจาะแนวรับที่มีวินัยของ เบรนท์ฟอร์ด

เควิน ชาเดอ กองหน้าทีมเยือน เป็นผู้เบิกสกอร์แรกให้ทีมในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก จากจังหวะยิงจ่อๆ ระยะเผาขน

แม้ ฟอเรสต์ จะพยายามกลับมาสู่เกมในครึ่งหลังท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก ด้วยการเร่งจังหวะการเล่นและสร้างความกดดันให้คู่แข่ง แต่ก็ยังไม่สามารถทวงประตูคืนได้ แอนโธนี่ อีแลงก้า ปีกตัวจี๊ด มีโอกาสใกล้เคียงที่สุดในการตีเสมอ เมื่อลากตัดเข้าเขตโทษก่อนจะยิงไปติดเซฟยอดเยี่ยมของ มาร์ค เฟล็คเค่น ขณะที่ คริส วู้ด กองหน้าตัวเก่ง ก็โหม่งหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดายในโอกาสสำคัญเพียงครั้งเดียวของเขา

แต่ในขณะที่ ฟอเรสต์ กำลังมั่นใจมากขึ้น เบรนท์ฟอร์ด ก็มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจากจังหวะสวนกลับ โยอัน วิสซ่า หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพบอลข้ามตัว แมตซ์ เซลส์ เข้าไปอย่างเหนือชั้น

ความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ ฟอเรสต์ ยังคงรั้งอันดับ 6 แต่ตามหลัง นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับ 3 เพียง 2 คะแนน โดยเหลือการแข่งขันอีก 4 นัด ขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด ยังคงรั้งอันดับ 11 และยังมีลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอยู่เช่นกัน

เจ้าป่า ฟอร์มฝืด ขาดทีเด็ด

นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กล่าวก่อนเกมว่า 5 นัดสุดท้ายของฤดูกาลคือ “เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพ” แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะไม่สามารถกระตุ้นลูกทีมได้ หลังจากการแสดงที่น่าผิดหวังที่ เวมบลีย์ ฟอเรสต์ จำเป็นต้องกลับมาสู่เส้นทางในลีกอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาความหวังในการไป แชมเปี้ยนส์ลีก แต่พวกเขากลับขาดความเฉียบคมในทุกพื้นที่ ทำให้ เบรนท์ฟอร์ด เล่นได้ง่ายเกินไปในสนามที่เคยเป็นป้อมปราการของพวกเขามาเกือบตลอดฤดูกาล

การเปลี่ยนตัว นิโคลัส โดมิงเกซ ลงมาแทน คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ในช่วงพักครึ่งดูเหมือนจะช่วยให้เกมดีขึ้นในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายทีมเยือนได้ การพ่ายแพ้ครั้งนี้ (เป็นครั้งที่ 3 จาก 4 นัดหลังสุดในลีก) ทำให้ ฟอเรสต์ สูญเสียความได้เปรียบในการลุ้นพื้นที่ยุโรป และต้องหันไปพึ่งให้ทีมอื่นพลาดเพื่อโอกาสของตนเอง

ผึ้งน้อย เพิ่มความหวังลุยยุโรป

เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งได้พักมานานถึง 12 วัน ดูเหมือนจะได้รับประโยชน์เต็มที่ พวกเขาควบคุมเกมได้ตั้งแต่ต้น และน่าจะขึ้นนำได้เร็วกว่านี้หาก เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ไม่โหม่งจ่อๆ ไปติดเซฟของ เซลส์ ก่อนที่ ชาเดอ จะมาทำประตูได้สำเร็จในที่สุด

ครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ด เน้นตั้งรับและรอสวนกลับ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อ วิสซ่า หลุดเข้าไปยิงประตูที่สองอย่างเยือกเย็น ชัยชนะนัดนี้ทำให้พวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป และมีโอกาสทำอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ของสโมสร (เคยจบอันดับ 9 ในฤดูกาล 2022-23)