7msport

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! “มาเรสก้า” ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามเกมฟอเรสต์ แถม “พาลเมอร์” เจ็บยาวกว่าเดิม!

เชลซีกำลังจะลงสนามพบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์อย่างยิ่ง พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องขาด โคล พาลเมอร์ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่อาการบาดเจ็บเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังจะต้องไร้เงาของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือของทีมที่ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามอีกด้วย

บทลงโทษจากความดีใจเกินเหตุ มาเรสก้าถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ลงโทษแบน 1 นัด หลังจากยอมรับข้อกล่าวหาประพฤติตัวไม่เหมาะสม กรณีที่เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 96 ของเกมที่เชลซีเฉือนชนะลิเวอร์พูล 2-1 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เขาวิ่งลงไปในสนามเพื่อร่วมแสดงความดีใจกับลูกทีมอย่างสุดเหวี่ยง

มีรายงานว่ากุนซือชาวอิตาเลียนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิดว่ามันเป็น “ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ” และเสริมด้วยประโยคเด็ดว่า “แต่ผมคิดว่า (ใบแดง) มันคุ้มค่านะ” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของชัยชนะในนัดนั้นได้เป็นอย่างดี

ข่าวร้ายซ้ำซ้อน: “พาลเมอร์” พักยาวกว่าเดิม แต่เรื่องที่น่ากังวลยิ่งกว่าการขาดโค้ชข้างสนาม คืออาการบาดเจ็บของ โคล พาลเมอร์ ที่ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าที่ประเมินไว้ในตอนแรก มาเรสก้ายอมรับว่าเขา “ประเมินผิดไป” และเพลย์เมกเกอร์วัย 23 ปีจะต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบต่อไปอีกอย่างน้อย 6 สัปดาห์

“เราพยายามปกป้องโคลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” มาเรสก้ากล่าว “สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเขากลับมา เขาต้องฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย”

“โชคร้ายที่ทีมแพทย์ไม่ใช่ผู้วิเศษ เราหวังว่า 6 สัปดาห์จะเพียงพอ เราต้องดูกันไปทีละขั้น แต่แน่นอนว่าเขาจะกลับมาโอเค”

การสูญเสียที่ไม่อาจทดแทน การขาดหายไปของพาลเมอร์คือความเสียหายครั้งใหญ่ของเชลซีอย่างไม่ต้องสงสัย หลายครั้งในฤดูกาลนี้ ทีมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าขาดความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุกเมื่อไม่มีเขาอยู่ในสนาม

“การหาคนมาแทนโคลนั้นเป็นเรื่องยาก” มาเรสก้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา “เพราะเขาคือผู้เล่นที่สำคัญมากสำหรับเรา เขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก… เราไม่มีผู้เล่นคนอื่นที่เหมือนโคล เขาคือหนึ่งเดียว

เชลซีจะต้องเผชิญหน้ากับโปรแกรมสุดหินในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้าโดยปราศจากทั้งกุนซือข้างสนาม (ในเกมกับฟอเรสต์) และหัวใจสำคัญในเกมรุก นี่คือบททดสอบที่แท้จริงของ “สปิริต” และ “ขุมกำลังเชิงลึก” ของพวกเขา และมันจะเป็นตัวชี้วัดว่าทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดอยู่บนเส้นทางการลุ้นพื้นที่ยุโรปได้หรือไม่