อเล็กซ์ มาร์เกซ เดินทางมาถึงมูเจลโล่ในตำแหน่งที่น่าอิจฉาแต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ในฐานะผู้รั้งอันดับสองในตารางคะแนนสะสมชิงแชมป์โลก MotoGP ตามหลังเพียงแค่ มาร์ค พี่ชายของเขา นักบิดจากทีมเกรซินี่ เรซซิ่ง ยังคงเดินอยู่บนเส้นทางของตนเอง ตระหนักดีว่าสปอตไลท์ส่วนใหญ่กำลังจับจ้องไปที่การแข่งขันระหว่าง เปคโค่ บันยาญ่า และผู้นำในตารางคะแนน อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด อเล็กซ์ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าเขาสบายใจกับสถานการณ์นี้ แต่ยังได้นำเสนอบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความกดดันที่นักบิดชาวอิตาลีกำลังเผชิญอยู่
แม้จะเป็นคู่แข่งที่สม่ำเสมอที่สุดของพี่ชายอย่าง มาร์ค ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ แต่น้องเล็กแห่งตระกูลมาร์เกซก็ยืนยันว่าเขาไม่รู้สึกรำคาญที่ต้องอยู่นอกสายตา “ผมไม่รำคาญหรอกที่คนไม่พูดถึงผม และผมชอบที่จะสร้างเซอร์ไพรส์มากกว่า! สำหรับบางคนผมก็เป็นตัวเซอร์ไพรส์อยู่แล้ว และผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนว่าการมีคะแนนนำหน้าอันดับสามอยู่ 61 คะแนน มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมอยู่ในการต่อสู้เพื่อแชมป์” นักบิดเกรซินี่ยืนยันพร้อมเสียงหัวเราะ
“สำหรับผม การมาอยู่ในสถานการณ์นี้มันเหมือนเป็นของขวัญ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้น และผมต้องสนุกกับมัน” เขากล่าวเสริม
เปคโค่มีมาร์คเป็นตัวชี้วัด แต่เขาไม่ได้หมกมุ่น
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของบทสนทนาคือมุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของ เปคโค่ บันยาญ่า และการต่อสู้กับ มาร์ค มาร์เกซ โดย อเล็กซ์ ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงกับเรื่องเล่าที่ว่านักบิดชาวอิตาลีกำลังเผชิญกับความพ่ายแพ้ทางจิตวิทยาเพราะความกดดันจากพี่ชายของเขา
“ผมไม่คิดว่าเปคโค่จะมีมาร์คอยู่ในหัวอย่างที่หลายคนพูด หรือจะให้พูดอีกอย่างคือ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีมาร์คอยู่ในหัวเพราะเขาเป็นผู้นำในตารางคะแนนชิงแชมป์โลก ขี่รถเหมือนกัน และกำลังสร้างความแตกต่าง แต่เขาไม่ได้มีมาร์คอยู่ในหัวเพราะว่านั่นคือมาร์ค มันอาจจะเป็นนักบิดคนอื่นก็ได้” อเล็กซ์อธิบาย
“การจะบอกว่าเปคโค่แพ้ทางเพราะมีมาร์เกซอยู่ในหัวนั้นมันไม่จริง เขาพยายามที่จะอยู่ข้างหน้า และเมื่อคุณพยายามแล้วทำไม่ได้ อย่างที่เกิดขึ้นกับบันยาญ่าในช่วงต้นของฤดูกาลนี้ มันก็น่าหงุดหงิดบ้าง แต่นั่นไม่ใช่เพราะคนนั้นคือมาร์ค แต่เพราะมีนักบิดคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าคุณ”
การแข่งขันและพัฒนาการส่วนตัว
สำหรับเรื่องการแข่งขันกับมาร์คพี่ชายของเขาเอง อเล็กซ์ก็มีความชัดเจน “ผมรู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ตอนที่เขาไม่ใส่ยางใหม่ในรอบซ้อมแรกที่อารากอน ผมไม่แปลกใจเลย คู่แข่งโดยตรงของเขาอาจจะแปลกใจ แต่ผมรู้จักเขามาทั้งชีวิต ผมรู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้ และผมก็จะไปในทางของผม”
นักบิดจากเซร์เบร่าให้เหตุผลว่าการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของเขามาจากกระบวนการเติบโตที่ถูกบังคับโดยความยากลำบาก “เมื่อคุณมีปีที่ยากลำบากมากเหมือนปีที่แล้ว คุณก็จะสามารถพัฒนาขึ้นได้ ผมต้องก้าวไปข้างหน้าในเรื่องการเข้าโค้ง ซึ่งเป็นจุดที่ผมมีปัญหามาตลอดอาชีพ และเมื่อคุณเจอปัญหา คุณก็ต้องให้ความสนใจกับจุดอ่อนของคุณเป็นสองเท่า รถที่ผมมีตอนนี้ให้บางอย่างที่มากกว่า แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าปีที่แล้วผมก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน”