ท่ามกลางสายฝนและความมืดมิดในสนาม Ricardo Tormo เมืองบาเลนเซีย มีความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นที่หลังรถบรรทุกสีแดงเพลิงของทีมวิศวกร Ducati—สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงคนวงในระดับสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เหยียบย่างเข้าไป
อเล็กซ์ มาร์เกซ นักบิดหนุ่มจากทีม Gresini Racing คือผู้ถูกเรียกตัวเข้าไปในห้องแห่งความลับนั้น นี่ไม่ใช่แค่การประชุมธรรมดา แต่มันคือ “พิธีมอบดาบ” เล่มใหม่ หลังจากที่เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนจบฤดูกาล 2025 ในฐานะรองแชมป์โลก
ก้าวกระโดดสู่ GP26: ภารกิจแทนพี่ชาย ด้วยอาการบาดเจ็บของพี่ชายอย่าง มาร์ค มาร์เกซ ทำให้ภารกิจในการพัฒนารถปี 2026 ตกมาอยู่บนบ่าของอเล็กซ์อย่างเต็มตัว ในการทดสอบ Valencia Test ครั้งนี้ Ducati จำเป็นต้องระดมสมองจาก 3 ขุนพลหลัก ได้แก่ เป็กโก้ บัญญาญ่า (ทีมโรงงาน), ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ (VR46 ที่มีสัญญาโรงงาน) และ อเล็กซ์ มาร์เกซ
ความพิเศษคือ อเล็กซ์ จะได้ข้ามรุ่นจากรถปี 2024 ที่ใช้ในปีนี้ กระโดดข้ามไปสัมผัสเทคโนโลยีของปี 2026 ทันที (หลังจากได้ลอง GP25 ประเดิมก่อน) สถานะของเขาในสนามทดสอบจึงเทียบเท่ากับนักแข่งโรงงานทุกประการ เพียงแต่เขายังคงสวมเสื้อสีฟ้าของ Gresini และไม่มีสัญญาจ้างโดยตรงจาก Ducati เหมือนคนอื่น
ความไว้วางใจจากแชมป์โลก มาร์ค มาร์เกซ พี่ชายและแชมป์โลก ได้ฝากความหวังไว้ที่น้องชายคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม “เราต้องการเขา… ทั้งเป็กโก้และอเล็กซ์จะมีหน้าที่นำทางพวกเราไปสู่ปี 2026” คำพูดนี้ยืนยันว่า ข้อมูลจากอเล็กซ์มีความหมายต่อทิศทางของค่าย Ducati เพียงใด
เบื้องหลังโควต้าพิเศษ ที่น่าสนใจคือ โควต้ารถโรงงานคันที่ 4 นี้ เดิมที Ducati เสนอให้ทีม VR46 ของ วาเลนติโน่ รอสซี่ แต่เมื่อทีม VR46 ปฏิเสธ ส้มจึงหล่นมาที่ Gresini เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความทุ่มเทของอเล็กซ์ แม้ว่าการดูแลรถสเปคโรงงานจะทำให้ทีมต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและการทำงานที่หนักขึ้นก็ตาม
ในขณะเดียวกัน เฟร์มิน อัลเดเกร อีกหนึ่งดาวรุ่งของทีม จะได้รับรถ GP25 (เครื่องยนต์เดียวกับปี 2024 เนื่องจากกฎแช่แข็งเครื่องยนต์) ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าแม้จะเสียดายที่ไม่ได้รถตัวท็อปที่สุด แต่ก็พร้อมจะเรียนรู้และเติบโตตามจังหวะของตัวเอง
บททดสอบที่บาเลนเซียครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การลองรถใหม่ แต่คือเครื่องพิสูจน์ว่า อเล็กซ์ มาร์เกซ ไม่ได้อยู่ใต้เงาของใครอีกต่อไป แต่เขาคือหนึ่งในกุญแจดอกสำคัญที่ Ducati ขาดไม่ได้ในการไขประตูสู่อนาคต