7msport

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ออกมาให้ความเห็นว่า “จังหวะและเวลา” คือกุญแจสำคัญในการคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ โดยชี้ว่า ลิเวอร์พูล เพิ่งการันตีแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนที่น้อยกว่าที่ อาร์เซน่อล ทำได้ในช่วงท้ายของสองฤดูกาลหลังสุดเสียอีก

อาร์เซน่อล จบอันดับสองตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยคะแนน 84 และ 89 แต้มในสองฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้โดยมี 82 คะแนน แต่ยังเหลือการแข่งขันอีก 4 นัด

อาร์เตต้า ซึ่งพูดก่อนเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่จะบุกไปเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในคืนวันพุธนี้ ตอบคำถามเกี่ยวกับความกดดันในการคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ในฤดูกาลนี้ว่า: “เราจะพยายามทำให้ได้ [คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก] ในฤดูกาลนี้” กุนซือ อาร์เซน่อล กล่าว “การคว้าถ้วยรางวัลมันเกี่ยวกับการอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในสถานที่ที่เหมาะสม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกด้วยคะแนนน้อยกว่าที่เรามีในสองฤดูกาลหลังสุด”

“ดังนั้นคุณต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในสถานที่ที่เหมาะสม หวังว่าพรุ่งนี้ที่ ปารีส เราจะอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้ารอบชิงชนะเลิศนั้น”

ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ซึ่งทีมตามหลังอยู่ 0-1 จากนัดแรกที่ ลอนดอน ประกาศว่าทีมของเขาเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อ “สร้างประวัติศาสตร์” ในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006

เขายังท้าทายให้ผู้เล่นของเขาก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่ในค่ำคืนสำคัญ เหมือนที่ เดแคลน ไรซ์ ทำได้ด้วยการยิงสองฟรีคิกสุดสวยในรอบก่อนรองชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด

“คุณจะถูกจดจำจากช่วงเวลาเหล่านั้น” อาร์เตต้า กล่าว “เวทีที่ใหญ่ที่สุดคือตอนที่ทีมต้องการมัน ตอนที่สโมสรต้องการมัน เพื่อสร้างช่วงเวลาเหล่านั้น”

“ผมคิดว่ามันอยู่ในตัวพวกเรา เราไม่ต้องการอะไรอื่นอีกแล้ว ตอนนี้เราต้องใช้มันเพื่อส่งต่อพลังงานนั้น อารมณ์นั้น ความปรารถนานั้นที่เราทุกคนมีอยู่ข้างในเพื่อส่งมอบและทำผลงานในระดับที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในระดับสูงสุดที่พวกเราแต่ละคนมี”

“คุณต้องเปิดรับและลงเล่นเกมนี้ เพื่อทำบางสิ่งที่พิเศษ การจะเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ลีก คุณต้องทำบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ เราทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมมามากมาย แต่พรุ่งนี้ที่ ปารีส ในการเจอกับทีมนี้ คือช่วงเวลาที่ต้องทำมัน เราต้องการยกระดับทีมนี้และเริ่มสร้างประวัติศาสตร์ นั่นคือโอกาสที่เรามีอยู่ตรงหน้า”