เมื่อพูดถึงมิดฟิลด์ระดับตำนานของโลกฟุตบอล ชื่อของ อันเดรส อิเนียสต้า ย่อมอยู่ในกลุ่มแถวหน้าของวงการอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่เขาคือผู้ยิงประตูชัยให้กับทีมชาติสเปนในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2010 แต่เขายังเป็นหนึ่งในแกนหลักของ บาร์เซโลนา ชุดที่ถูกยกย่องว่าอาจเป็นทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนัง
ดาวเตะผู้เติบโตมาจากศูนย์ฝึกเยาวชน ลา มาเซีย คว้าแชมป์ ลาลีกา ถึง 9 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 4 สมัย ตลอดอาชีพการค้าแข้ง จนกลายเป็นนักเตะชาวสเปนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยจำนวนถ้วยรางวัลรวมถึง 35 รายการ
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงมองว่า อิเนียสต้า คือแข้งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสเปนในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เขากลับเคยยกย่องนักเตะชาวอังกฤษคนหนึ่งว่าเป็น “แบบอย่าง” สำหรับนักฟุตบอลทั่วโลก
อิเนียสต้า กล่าวชื่นชม แลมพาร์ด
“เขาได้รับความเคารพจากผมอย่างสูง”
เมื่อปี 2015 ก่อนเกมที่ บาร์เซโลนา ต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย อิเนียสต้า ได้กล่าวชื่นชม แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางของฝั่งตรงข้าม ซึ่งถูกอ้างอิงโดยนิตยสาร FourFourTwo ว่า:
“แลมพาร์ด คือแบบอย่างของวงการฟุตบอล ทั้งในอังกฤษและทั่วโลก ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว”
“เขาเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูง ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขาได้รับความเคารพจากผมอย่างเต็มที่ และสมควรได้รับเครดิตในฐานะนักเตะที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้จากเขา”
ในปีนั้น บาร์เซโลนา ก็สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์รวม 3-1 ซึ่งในเกมแรก แลมพาร์ด ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงปลายอาชีพของเขา
แลมพาร์ด ก็ชื่นชม อิเนียสต้า ไม่แพ้กัน
“คุณไม่มีทางตามเขาทันเลย”
แม้ทั้งสองจะไม่เคยเล่นร่วมทีมเดียวกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน โดย แลมพาร์ด ก็เคยกล่าวว่า อิเนียสต้า คือคู่แข่งที่ยากที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิตค้าแข้ง:
“เขาเลี้ยงผ่านคุณไปทางไหนก็ได้ มีนักเตะไม่มากนักในตำแหน่งมิดฟิลด์กลางสนามที่กล้าท้าชนคุณตรง ๆ บางคนเลือกจะผ่านบอลหรือวิ่งหนี แต่เขาเลือกที่จะเผชิญหน้า”
“ผมเคยเจอกับนักเตะเก่งๆ อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่แข็งแกร่งมาก แต่บางครั้ง อิเนียสต้า ก็จะเปิดพื้นที่โจมตี และเขาสามารถทะลุทะลวงได้ทุกทิศทาง จนคุณตามเขาไม่ทันเลยจริง ๆ”
ทั้ง อันเดรส อิเนียสต้า และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุค แม้ทั้งคู่จะไม่มีโอกาสได้เล่นร่วมทีมเดียวกัน แต่มิตรภาพและความเคารพในฝีเท้าซึ่งกันและกัน ก็ถือเป็นภาพสะท้อนของจิตวิญญาณลูกหนังอย่างแท้จริง