บรรยากาศแห่งความสุขและความซาบซึ้งอบอวลไปทั่วสนามแอนฟิลด์ เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 อย่างเป็นทางการต่อหน้าแฟนบอลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 โดยมีภาพสุดประทับใจของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รองกัปตันทีมผู้กำลังจะอำลาสโมสร หลั่งน้ำตาแห่งความผูกพันท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง
อลัน แฮนเซ่น ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูลชุดแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเมื่อ 35 ปีก่อน ให้เกียรติกลับมาเป็นผู้มอบถ้วยแชมป์ให้กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมคนปัจจุบัน แต่ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ผู้ซึ่งยืนยันแล้วว่าจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้
ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอ คริสตัล พาเลซ (แชมป์เอฟเอ คัพ) 1-1 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน คอนเนอร์ แบรดลีย์ ในช่วงพักครึ่ง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลเจ้าถิ่น หลังจบเกม ดาวเตะวัย 26 ปี ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ขณะสวมกอดกับครอบครัว
“ผมไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรตอนที่ก้าวลงสู่สนามแอนฟิลด์ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน (ถูกแฟนบอลโห่ในเกมกับอาร์เซนอล)” อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ “ผมอยากจะลงเล่นให้สโมสรอีกสักครั้ง และเขา (อาร์เน่ สล็อต) ก็เชื่อมั่นในตัวผม การได้รับการต้อนรับแบบที่ผมได้รับมันมีความหมายมากกว่าสิ่งใดๆ ผมลงเล่นให้สโมสรมาหลายร้อยนัด แต่ผมไม่เคยรู้สึกได้รับความรักและความห่วงใยมากเท่าวันนี้เลยจริงๆ ผมสาบานได้เลยว่าหวังว่าสักวันหนึ่งแฟนบอลจะจดจำการทำงานหนักและทุกสิ่งที่ผมทำให้กับทีมได้”
บรรยากาศในสนามแอนฟิลด์เต็มไปด้วยความสุขในทุกอณู โดยก่อนเกม คริสตัล พาเลซ ทีมแชมป์เอฟเอ คัพ ได้รับการตั้งแถวเกียรติยศจากนักเตะลิเวอร์พูล และแฟนบอลทีมเยือนก็ยังร่วมเฉลิมฉลองกับเจ้าบ้านหลังจบเกมอีกด้วย
ในส่วนของเกมการแข่งขัน พาเลซเป็นฝ่ายออกนำก่อนจาก อิสไมล่า ซาร์ ที่หลุดเข้าไปยิงหลังจาก คอนเนอร์ แบรดลีย์ จ่ายบอลพลาด ลิเวอร์พูลพยายามสร้างโอกาสทำประตูในครึ่งแรก โดย หลุยส์ ดิอาซ ได้ลุ้นมากที่สุด แต่ก็มาปรับปรุงเกมได้ดีขึ้นในครึ่งหลัง อย่างไรก็ตาม วันแห่งการฉลองแชมป์ของ “หงส์แดง” มีรอยด่างพร้อยเล็กน้อยเมื่อ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ซึ่งถูกจับไปเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการทำฟาวล์ ไดจิ คามาดะ ในจังหวะที่อาจจะเสียประตู ทำให้กองกลางชาวดัตช์จะติดโทษแบนในเกมนัดแรกของฤดูกาลหน้า
ลิเวอร์พูลรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้สำเร็จจากประตูตีเสมอของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในนาทีที่ 84 จากการตวัดบอลของ โคดี้ กัคโป ประตูดังกล่าวทำให้ ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้รวม 47 ครั้ง (ยิง+แอสซิสต์) เทียบเท่าสถิติของ แอนดี้ โคล และ อลัน เชียเรอร์ แม้ว่าสถิติของสองตำนานดาวยิงจะเกิดขึ้นในฤดูกาลที่มี 42 เกมก็ตาม นอกจากนี้ ซาลาห์ยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ (Golden Boot) ร่วมกับ [ระบุชื่อนักเตะที่ได้ดาวซัลโวร่วม หากมี] โดย เอียน รัช ตำนานดาวยิงของสโมสร เป็นผู้มอบรางวัลให้ ซึ่งซาลาห์จบฤดูกาลด้วยการยิงไป 29 ประตูในลีก
การอำลาของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อาจจะสร้างความรู้สึกที่หลากหลายให้กับแฟนบอล แต่ภาพการชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ในครั้งนี้ จะยังคงเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับ “เดอะ ค็อป” ทั่วโลกอย่างแน่นอน