ณ สตูดิโอพอดแคสต์แห่งหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ อดีตโกดังสินค้า Sharp ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคทองของสโมสร พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ สองตำนานมิดฟิลด์ Class of ’92 ได้นั่งลงและเปิดอกพูดคุยถึงสถานการณ์อันน่าเป็นห่วงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างตรงไปตรงมาและเจ็บปวดที่สุด… มันคือเสียงสะท้อนจากหัวใจของคนที่รักสโมสร แต่ก็ไม่อาจทนเห็นความตกต่ำนี้ต่อไปได้
แม้จะเพิ่งเสร็จสิ้นการอัดรายการพอดแคสต์ใหม่ของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่า “น้ำมัน” ในการวิจารณ์สโมสรเก่าของทั้งคู่จะยังคงเหลือเฟือ และนี่คือบทสรุปที่น่าสะเทือนใจจากมุมมองของพวกเขา
1. อนาคตของ อโมริม: “ไม่ช้าก็เร็ว… รอวันโดนเด้ง” ทั้งสโคลส์และบัตต์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเวลาของ รูเบน อโมริม ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด กำลังจะหมดลง “มัน [การปลดอโมริม] จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ผมมองไม่เห็นทางที่มันจะพลิกกลับมาได้เลย” บัตต์กล่าวอย่างหนักแน่น พวกเขายอมรับว่าผลงาน 10_ นัด ชนะ 10 แพ้ 17 ในลีกนั้นย่ำแย่เกินรับไหว
2. วิกฤต อัตลักษณ์: “แล้วจะไปลอกแมนฯ ซิตี้ มาทำไม?” ประเด็นที่ทั้งคู่ดูจะเจ็บปวดที่สุด คือการที่สโมสรกำลังสูญเสีย “ดีเอ็นเอ” ของตัวเองไป ด้วยการดึงบุคลากรระดับสูงที่เคยทำงานกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ามามากมาย ทั้ง โอมาร์ เบร์ราด้า (CEO), เจสัน วิลค็อกซ์ (ผอ.ฟุตบอล) และคนอื่นๆ “ผมไม่คิดว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรทำแบบนั้น” สโคลส์กล่าว “ซิตี้อาจจะดีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการ มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ และอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆ ต้องการด้วยซ้ำ” “คุณพูดถึงดีเอ็นเอ… ตอนนี้ไม่มีใครที่นั่นรู้เลยว่าคนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างไร ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ คือคนเดียวที่รู้ว่าการเป็นนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด มันเป็นยังไง” บัตต์เสริมว่า “เรอัล มาดริด คงไม่ทำแบบนี้กับบาร์เซโลน่าหรอก”
3. อคาเดมี่ที่ “อ่อนแอ”: “สอนแต่ประสบการณ์ ไม่สอนให้ชนะ” บัตต์ ผู้เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของสโมสรถึง 9 ปี ได้วิจารณ์แนวทางของอคาเดมี่ในปัจจุบันอย่างเผ็ดร้อนที่สุด เขาเห็นด้วยกับ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ว่ามาตรฐานได้ตกลงไปมาก และชี้ว่าการให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์” มากกว่า “การคว้าชัยชนะ” คือสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์ “ผมเบื่อที่จะได้ยินคนในอคาเดมี่แมนฯ ยูไนเต็ด พูดว่า ‘มันไม่เกี่ยวกับการชนะ มันเกี่ยวกับประสบการณ์'” บัตต์กล่าวอย่างมีอารมณ์ “แม่งเกี่ยวกับการชนะสิวะ! เพราะถ้าคุณไม่เคยชนะอะไรมาเลยตั้งแต่_อายุ 13 คุณจะไปคาดหวังให้พวกเขาคว้าชัยชนะในทีมชุดใหญ่ได้ยังไง?” “คุณต้องสร้างผู้ชนะขึ้นมา เพราะถ้าไม่ทำ คุณก็เล่นให้สโมสรใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้… และถ้ามันไม่เกี่ยวกับการชนะ พวกเขาก็อยู่ผิดสโมสรแล้ว”
4. การซื้อขายที่ผิดพลาด: เสีย “แม็คโทมิเนย์” ได้ “อูการ์เต้”? ทั้งคู่ยังคงเสียดายกับการตัดสินใจขาย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ไปให้นาโปลี (ทีมโปรดของผมเลยครับ) ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ แล้วไปทุ่มเงินสองเท่าเพื่อคว้า มานูเอล อูการ์เต้ เข้ามาแทน “สก็อตต์พร้อมที่จะวิ่งทะลุกำแพงเพื่อยูไนเต็ด” บัตต์กล่าว “เขารู้ดีเอ็นเอของสโมสร และผมเดาว่าค่าเหนื่อยเขาน้อยกว่าคนที่ซื้อเข้ามา [อูการ์เต้] ถึง 50% ด้วยซ้ำ แต่ฝีเท้าเทียบกันไม่ได้เลย… คุณต้องเก็บเขาไว้ทุกกรณี” สโคลส์เสริมว่า “ผมไม่ได้บอกว่าคุณจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถ้ามีเขาอยู่ในทีมทุกสัปดาห์ แต่เขาคือผู้เล่นประเภทที่คุณต้องมีไว้ในทีมเสมอ”
5. นักเตะที่ “หมดสภาพ”: แบกทีมไม่ไหวในพรีเมียร์ลีก สโคลส์ยังชี้เป้าไปที่นักเตะซีเนียร์ 3 คนที่เขาเชื่อว่าสภาพร่างกายไม่สามารถรับมือกับความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกได้อีกต่อไปแล้ว นั่นคือ คาเซมิโร่ (33), แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (32) และ ลุค ชอว์ (30) “พวกเขาเคยเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงอาชีพที่ถ้าคุณสภาพร่างกายไม่ดีพอ คุณจะถูกเปิดโปงในพรีเมียร์ลีก” สโคลส์กล่าว “ร่างกายพวกเขาไม่แกร่งพอ ไม่แข็งแรงพอ ไม่เร็วพอ… แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังแบกผู้เล่น 2-3 คนที่ไม่สามารถรับมือกับมันได้”
บทสรุปจากปากของสองตำนานผู้ยิ่งใหญ่ คือภาพสะท้อนอันเจ็บปวดของสโมสรที่กำลังหลงทาง พวกเขาไม่ได้แค่ชี้ปัญหา แต่ยังแสดงความกังวลอย่างสุดซึ้งถึงอนาคตของทีมที่พวกเขารัก และดูเหมือนว่าเวลาของ รูเบน อโมริม กำลังจะหมดลง… ไม่ช้าก็เร็ว