เพียงแค่ 7 นัดแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025-26 ดูเหมือนว่าการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดอาจจะจบลงแล้ว… อย่างน้อยก็ในทางทฤษฎี เมื่อ “เครื่องจักรสังหารประตู” นามว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ กดไปแล้วถึง 9 ประตู นำโด่งคู่แข่งไปไกล และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ทั้ง 9 ประตูมาจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ทั้งหมด ไม่มีลูกจุดโทษแม้แต่ลูกเดียว
แม้ว่านี่จะไม่ใช่การออกสตาร์ทที่ดีที่สุดของเขา (เคยทำได้ 11 ประตูในปี 2022-23) แต่ตัวเลข 9 ประตูก็เพียงพอที่จะทิ้งห่างอันดับสองถึง 4 ลูก และเมื่อเราเจาะลึกลงไปใน “สถิติเบื้องหลัง” ก็จะพบเหตุผลสองข้อใหญ่ๆ ที่ทำให้ตำแหน่งดาวซัลโวของเขาในฤดูกาลนี้แทบจะถูกการันตีเอาไว้แล้ว
1. “คุณภาพ” ของโอกาสที่เหนือกว่าใคร
ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ “จำนวนประตู” อาจไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด แต่ “ค่าคาดหวังการได้ประตู” หรือ Expected Goals (xG) คือตัวชี้วัดที่แม่นยำกว่า มันคือการประเมินคุณภาพของโอกาสในการยิงแต่ละครั้งโดยอิงจากข้อมูลในอดีต
และสถิติ xG ของฮาลันด์ในฤดูกาลนี้ก็อยู่ในระดับที่ “น่าสะพรึงกลัว” เขามีโอกาสยิงไปแล้วถึง 29 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นทุกคนในลีก และที่สำคัญคือ “คุณภาพ” ของการยิงแต่ละครั้งนั้นสูงมาก โดยมีค่า xG เฉลี่ยต่อการยิงหนึ่งครั้งสูงถึง 0.27 ซึ่งหมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้ว โอกาสที่เขามีในแต่ละครั้งควรจะเปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 27%
พูดง่ายๆ ก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้แค่สร้างโอกาสให้เขาเยอะ แต่สร้าง “โอกาสทอง” ให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นโอกาสที่ง่ายกว่าที่เขาเคยได้รับในฤดูกาลก่อนๆ เสียอีก
2. การออกสตาร์ทที่เชื่องช้าของเหล่าคู่แข่ง
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ส่งให้ฮาลันด์นำโด่ง คือการที่บรรดาคู่ปรับคนสำคัญต่างพากันฟอร์มสะดุดในช่วงออกสตาร์ท โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คู่แข่งคนสำคัญจากลิเวอร์พูล ซึ่งเคยปาดหน้าคว้าดาวซัลโวในฤดูกาลที่แล้ว มีจำนวนประตูและค่า xG ในช่วงเวลาเดียวกันนี้น้อยกว่าปีก่อนถึงครึ่งหนึ่ง ถือเป็นการเริ่มต้นที่เงียบเหงาที่สุดครั้งหนึ่งของเขาเลยทีเดียว
และไม่ใช่แค่ซาลาห์คนเดียว แต่เมื่อมองไปยัง 10 อันดับดาวซัลโวจากฤดูกาลที่แล้ว (ไม่นับฮาลันด์) ปรากฏว่า จำนวนประตูของพวกเขาทั้ง 10 คนรวมกัน ยังมีค่าเท่ากับที่ฮาลันด์ยิงได้เพียงคนเดียว! ไม่ว่าจะด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ, ปัญหานอกสนาม หรือฟอร์มของทีมที่ย่ำแย่ บรรดาผู้ท้าชิงต่างพากันทิ้งระยะห่างให้ฮาลันด์วิ่งหนีไปไกลเกินไปแล้ว
แม้ในเวทียุโรป การแข่งขันรางวัล “รองเท้าทองคำยุโรป” จะยังคงเปิดกว้าง ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของ แฮร์รี่ เคน และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่สำหรับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ บทสรุปในตอนนี้จึงมีเพียงหนึ่งเดียว: หากไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงเข้ามารบกวน รางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ดูเหมือนจะมีชื่อของ เออร์ลิง ฮาลันด์ สลักรอไว้เรียบร้อยแล้ว