7msport

ลิเวอร์พูล วางแผนรับมือ ‘ซาลาห์’ หาย! ‘เคียซ่า’ คือคำตอบสุดท้ายในช่วงบ็อกซิ่งเดย์?

ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2025 ท่ามกลางการเริ่มต้นฤดูกาลที่ยังคงกระท่อนกระแท่นของลิเวอร์พูล บทสนทนาของเหล่าเดอะค็อปมักจะวนเวียนอยู่กับฟอร์มการเล่นของนักเตะคนสำคัญ และสองชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในแง่มุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คิงโม” ยังห่างไกลจากฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง ขณะที่ “เคียซ่า” กลับใช้ทุกโอกาสที่ได้รับอย่างคุ้มค่า สร้างผลงาน 2 ประตู 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่นไม่ถึง 180 นาที และบัดนี้ โชคชะตากำลังจะนำพาทั้งสองคนมาสู่จุดตัดที่อาจกำหนดทิศทางของสโมสรในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

ลิเวอร์พูลกำลังเผชิญกับ “วิกฤตที่คุ้นเคย” อีกครั้ง เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะต้องเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ (AFCON) ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม นั่นหมายความว่าสโมสรอาจต้องขาดกำลังหลักในแนวรุกไปนานถึง 10 นัด ในช่วงโปรแกรมสุดโหด “บ็อกซิ่งเดย์” ต่อเนื่องถึงปีใหม่

แม้ อาร์เน่ สล็อต จะพยายามทดลองใช้ เยเรมี่ ฟริมปง ในตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวา และมีความคาดหวังในตัวแข้งใหม่อย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ แต่คำถามสำคัญก็คือ ใครคือ “ตัวแทนโดยธรรมชาติ” ที่ดีที่สุดของซาลาห์?

และคำตอบนั้นอาจเป็นชายที่หลายคนเกือบลืมไปแล้ว: เฟเดริโก้ เคียซ่า

ดาวเตะชาวอิตาเลียนถูกดึงตัวมาจากยูเวนตุสเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วในฐานะ “ตัวแทน” ของซาลาห์โดยตรง แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มอันร้อนแรงของคนอื่น ทำให้โอกาสของเขามีจำกัด ทว่าในฤดูกาลนี้ เขากลับแสดงให้เห็นถึง “คุณภาพ” ที่แท้จริง ทั้งการเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมคาราบาว คัพ กับเซาธ์แฮมป์ตัน และการลงมาเป็นซูเปอร์ซับยิงประตูตีเสมอคริสตัล พาเลซ

“เมื่อประตูของซาลาห์กำลังจะปิดลงชั่วคราว หน้าต่างแห่งโอกาสของเคียซ่าก็จะเปิดขึ้น” นี่คือบทวิเคราะห์ที่ตรงไปตรงมาที่สุด แม้ฟริมปงจะมีความเร็วและความสารพัดประโยชน์ แต่เขาก็เป็น “วิงแบ็ก” โดยธรรมชาติ การให้เขาไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดในระยะยาว

บทพิสูจน์ครั้งสำคัญจึงตกมาอยู่ที่เคียซ่า หากเขาสามารถสลัดอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ และเรียกความฟิตกลับมาได้เต็มร้อยในช่วงปลายเดือนธันวาคม ศึก AFCON ครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่วิกฤตของทีม แต่มันคือ “เวที” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เขาได้เปล่งประกายอย่างแท้จริง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขานี่แหละ คือคนที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาแบกทีมในวันที่ราชาต้องอำลาบัลลังก์ชั่วคราว