“สไตล์การเล่นของเขามันน่าหลงใหล มันปลุกเร้าทั้งสนามได้”
นี่คือคำกล่าวของ เจา เปาโล ซัมไปโอ ผู้อำนวยการอะคาเดมี่ของพัลไมรัส และเขาไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ เอสเตเวา วิลเลี่ยน กำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในพรีเมียร์ลีกกับเชลซี
เพียงแค่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มวัย 18 ปีผู้นี้ได้ประกาศศักดาให้โลกได้จดจำ เริ่มต้นด้วยการเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บดับแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูล (ซึ่งเป็นประตูแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก) และต่อเนื่องด้วยการยิง 2 ประตูในนามทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ และสำหรับผู้คนที่เคยเห็นเขาเติบโตมากับตาแล้ว นี่คือสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว
บทพิสูจน์ที่ตอบกลับทุกคำสบประมาท “หลายคนบอกว่าเขาจะมีปัญหากับความแข็งแกร่งของฟุตบอลอังกฤษ แต่เอสเตเวาฉลาดมากในสนามเสมอ” ซัมไปโอเผยกับ The Athletic “เขาหาทางใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อเอาชนะได้เสมอ”
แต่เส้นทางของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในบราซิล แฟนบอลคู่แข่งเคยตั้งฉายาเย้ยหยันเขาว่า “กูยาบา-แมน” (Cuiaba-Man) เพื่อล้อเลียนว่าเขามักจะยิงหรือแอสซิสต์ได้แค่ในเกมที่เจอกับทีมเล็กๆ เท่านั้น
“คู่แข่งเป็นคนสร้างฉายานั้นขึ้นมา” ซัมไปโอเล่า “แต่มันเป็นแค่การยั่วยุ เอสเตเวาตอบสนองในสนามเสมอ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประเทศเมื่อปี 2024”
และดูเหมือนว่าทีมโซเชียลมีเดียของเชลซีก็สนุกกับการตอกกลับฉายานี้เช่นกัน หลังจากประตูชัยเหนือลิเวอร์พูล พวกเขาโพสต์ภาพของเขาพร้อมแคปชั่นว่า “ลิเวอร์พูล แมน” และหลังจากฟอร์มอันร้อนแรงกับทีมชาติ ก็ตามมาด้วยภาพในชุด “เซเลเซา” พร้อมคำว่า “เซเลเซา-แมน” เป็นการประกาศว่าเด็กคนนี้พร้อมแล้วสำหรับเวทีที่ใหญ่ที่สุด
ความหวังใหม่ของชาวบราซิล ในขณะที่เส้นทางของ เอ็นดริค อีกหนึ่งวันเดอร์คิดที่ย้ายไปเรอัล มาดริด กำลังสะดุด เอสเตเวากลับกลายเป็นความหวังใหม่ที่ชาวบราซิลทั้งประเทศกำลังจับตามอง “ตอนนี้ผู้คนในบราซิลพูดถึงเอสเตเวาในแง่บวกมากกว่าเอ็นดริคมาก” คามิล่า อัลเวส นักข่าวจาก TV Globo กล่าว “เหตุผลหนึ่งก็เพราะ… เขากำลังได้ลงเล่น!”
“ประตูของเขาที่ยิงใส่ลิเวอร์พูลถูกเฉลิมฉลองไปทั่วบราซิล” ซามูเอล วานันซิโอ เซอร์โต้ นักข่าวอีกรายเสริม “แฟนบอลบราซิลตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเอสเตเวาเฉิดฉายในยุโรป เราทุกคนหวังว่าเขาจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับบราซิลในฟุตบอลโลกปีหน้าได้”
เบื้องหลังการปรับตัวที่น่าทึ่ง สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดอาจไม่ใช่แค่ฝีเท้า แต่คือ “การปรับตัว” ที่รวดเร็วเกินคาด “สิ่งที่น่าแปลกใจจริงๆ คือการที่เขาปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างราบรื่น” อนา คันเฮโด้ จาก Globo Esporte กล่าว “มันน่าประทับใจและน่าตื่นเต้นมากที่ได้เห็น”
และกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ อาจมาจากปรัชญาการปลุกปั้นของพัลไมรัส “ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์อย่างเอสเตเวาต้องการอิสระในการพัฒนา” ซัมไปโอทิ้งท้าย “เขามาถึงระดับนี้ได้เพราะเราสนับสนุนให้เขามีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ เราให้อิสระแก่เขาในการเลี้ยงบอล และปล่อยให้เขาเป็น ‘เด็กที่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล’”
จากเด็กน้อยที่ถูกเย้ยหยัน สู่ความหวังใหม่ของชาติมหาอำนาจลูกหนัง และกำลังจะกลายเป็นขวัญใจคนใหม่แห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ เรื่องราวของ เอสเตเวา วิลเลี่ยน เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น