มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงพาดพิงถึงอดีตต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่า “สภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคง” ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นเหตุให้เขาไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทางอาชีพ
ดาวยิงวัย 27 ปีรายนี้ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาลไปยัง บาร์เซโลนา พร้อมออปชันซื้อขาดหลังจบซีซั่น ซึ่งเจ้าตัวกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมดังแห่งแคว้นกาตาลุญญา โดยซัดไปแล้ว 3 ประตู และทำอีก 5 แอสซิสต์จากการลงสนาม 10 นัด
ผลงานอันยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้เขายังมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษของ โธมัส ทูเคิล ต่อเนื่อง ในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนศึก ฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ กลางปีหน้า
ก่อนเกมรอบคัดเลือกกับลัตเวียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไอทีวี ได้สอบถามแรชฟอร์ดถึงความเห็นของทูเคิลที่มองว่า เขาขาดเพียง “ความสม่ำเสมอ” เพื่อก้าวสู่การเป็นแข้งระดับโลกเต็มตัว
แรชฟอร์ดตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาเองต้องการเป็นนักเตะที่เล่นได้สม่ำเสมอมากขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า สภาพแวดล้อมในทีม ยูไนเต็ด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาไม่สามารถพัฒนาในจุดนั้นได้
“แน่นอนครับ ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญมาก” แรชฟอร์ดกล่าว
“ผมรู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคงเลย ซึ่งทำให้ยิ่งยากที่จะรักษามาตรฐานให้คงที่”
“แต่ผมเห็นด้วยเต็มที่ว่าความสม่ำเสมอคือสิ่งที่ผมต้องใส่เข้าไปในเกมของตัวเอง และผมกำลังพยายามจะทำให้ได้”
“ผมอยากอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ไม่ใช่บางเวลา แต่ให้ได้บ่อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
“สำหรับผม ความสม่ำเสมอไม่ใช่แค่ในสนาม แต่รวมถึงชีวิตประจำวันและการฝึกซ้อมด้วย”
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ยังเสริมว่า ช่วงที่ผ่านมาเขาเจอการเปลี่ยนแปลงมากมายในอาชีพ ทั้งโค้ชที่ผลัดเปลี่ยนและแนวทางการทำทีมที่ต่างกัน แต่ยืนยันว่าตอนนี้เขากำลังมุ่งมั่นมองไปข้างหน้าเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
แรชฟอร์ดก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ก่อนจะผ่านการทำงานกับกุนซือถาวรถึง 4 คน และโค้ชชั่วคราวอีก 3 รายในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ช่วงเวลาที่เขาทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุด คือยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ซึ่งเจ้าตัวระเบิดฟอร์มยิง 22 ประตู พร้อมทำ 9 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2019–20 และทำเพิ่มเป็น 21 ประตู กับ 13 แอสซิสต์ในซีซั่นต่อมา
อย่างไรก็ตาม หลังจาก โซลชาร์ ถูกปลดและ ราล์ฟ รังนิค เข้ามาทำหน้าที่ชั่วคราว ผลงานของแรชฟอร์ดก็ดร็อปลงทันตา เหลือเพียง 5 ประตู และ 2 แอสซิสต์เท่านั้น
ในยุคของ เอริก เทน ฮาก ฤดูกาล 2022–23 เขากลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ยิงรวมทุกรายการถึง 30 ประตู และจ่ายอีก 9 แอสซิสต์ ก่อนจะได้รับสัญญาฉบับใหม่มูลค่าราว 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
แต่ฤดูกาลถัดมา ฟอร์มของเขากลับตกฮวบ ยิงได้เพียง 8 ประตูและทำอีก 5 แอสซิสต์ ท่ามกลางข่าวลือเรื่องพฤติกรรมนอกสนาม ทั้งการขาดซ้อมหลังปาร์ตี้ที่เบลฟาสต์ และการตื่นสายจนพลาดการประชุมทีม ซึ่งทำให้ เทน ฮาก ออกโรงตักเตือนอย่างเข้มงวด
ภายหลังเมื่อ รูเบน อโมริม เข้ามารับไม้ต่อจากเทน ฮาก เขาก็วิจารณ์ตรง ๆ ว่า แรชฟอร์ดจำเป็นต้อง “เปลี่ยนแปลงตัวเอง” พร้อมย้ำว่านักเตะในทีม ยูไนเต็ด ต้อง “รักษามาตรฐานระดับสูง” หากต้องการประสบความสำเร็จ
ต่อมา แรชฟอร์ดถูกส่งยืมตัวไปเล่นกับ แอสตัน วิลลา ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2024–25 โดยเจ้าตัวทำผลงานได้ 4 ประตู และ 6 แอสซิสต์จาก 17 นัด
แม้จะมีปัญหาถูก ฮันซี่ ฟลิค กุนซือของ บาร์เซโลนา ลงโทษเพราะมาประชุมสายเมื่อเดือนก่อน แต่ผู้บริหารสโมสรยืนยันว่า “ยังพอใจกับผลงานของเขา” และพร้อมพิจารณาคว้าตัวมาร่วมทีมแบบถาวร
ขณะเดียวกัน เดโก้ ผู้อำนวยการกีฬาของ บาร์เซโลนา ก็เห็นพ้องกับแรชฟอร์ด โดยชี้ว่า “ความไม่มั่นคง” ภายใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีส่วนทำให้เขาไม่สามารถรักษาฟอร์มได้สม่ำเสมอในอดีต
“ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือเราพอใจกับเขา เขามอบสิ่งที่เราคาดหวังไว้ได้ทั้งหมด” เดโก้ กล่าว
“เขาเป็นนักเตะระดับสูงมาก เคยแจ้งเกิดตั้งแต่ยังหนุ่ม มีช่วงพีคกับ ยูไนเต็ด ก่อนจะต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงของโค้ชหลายคน ซึ่งอาจส่งผลต่อฟอร์มของเขา แต่เรามีความสุขกับเขา นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”
“ตอนนี้เราขอโฟกัสกับเกมที่เหลือก่อน ส่วนเรื่องอนาคตของเขา คงต้องรอให้สองสโมสรพูดคุยกันต่อไป”