เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 144 ระหว่าง คริสตัล พาเลซ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่งขันกันในวันที่ 17 พฤษภาคม 2025 ที่ เวมบลีย์ เวลา 22.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย
พลพรรค ซิตีเซนส์ อยู่ในสถานะครองแชมป์ เอฟเอ คัพ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่จำนวน 8 ครั้ง ขณะที่ทัพ ปราสาทเรือนแก้ว ลุ้นคว้าโทรฟีรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา
ความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีม
คริสตัล พาเลซ
https://twitter.com/CPFC/status/1922958948207853660
อดัม วอร์ตัน ห้องเครื่องของ พาเลซ พลาดการลงสนามเมื่อสัปดาห์ก่อนกับ สเปอร์ส จากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันด้วยตนเองว่ากองกลางชาว อังกฤษ พร้อมลงสนามในเกมนี้ ขณะที่ ชาดี ริอาด กับ ชีค ดูกูเร ยังมีอาการเดี้ยงหมดสิทธิ์ลงเล่น
ความพร้อมของ วอร์ตัน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ วิล ฮิวจ์ส หรือ เจฟเฟอร์สัน เลร์มา คนใดคนหนึ่งอาจหลุดเป็นตัวสำรอง โดยมี ไดอิจี คามาดะ สอดแทรก
เอเบเรชี เอเซ ฟอร์มร้อนแรงในช่วงหลังกับสถิติตะบัน 5 ประตูจาก 4 เกมหลังสุด พ่วงสถิติ 3 ประตู 1 แอสซิสต์บนเวที เอฟเอ คัพ คาดการณ์ว่าจะได้เล่นร่วมกับ อิสไมลา ซาร์ ที่แดนบน
เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ ผู้เคยคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2020 เบียดแย่งลงสนามกับ ฌ็อง-ฟิลิปป์ มาเตตา โดยมี ดีน เฮนเดอร์สัน เฝ้าเสา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
https://twitter.com/ManCity/status/1923454824344895667
โรดรี ห้องเครื่องของทัพ เรือใบสีฟ้า ยังไม่พร้อมลงสนามเช่นเดียวกับ นาธาน อาเก้, ออสการ์ บ็อบบ์ และ จอห์น สโตนส์ แม้ 3 รายหลังจะเริ่มกลับมาลงฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นที่เรียบร้อย
นิโก โอไรลีย์ กับ มาเธอุส นูเนส เบียดแย่งตำแหน่งในบทบาทแบ็คขวาโดยมี เควิน เดอ บรอยน์ บัญชาเกมที่แดนกลางเคียงข้างกับตัวเลือกอย่าง มาเตโอ โควาชิช, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด ซิลวา และ นิโก กอนซาเลซ
มีความเป็นไปได้สูงที่ เฌเรมี โดกู กับ โอมาร์ มาร์มูช และ ซาวินโญ 2 ใน 3 จากนี้จะเบียดออกสตาร์ทเอา ฟิล โฟเดน และ เจมส์ แม็คอาที ไปเป็นตัวสำรองโดยมี เออร์ลิง ฮาลันด์ ปักหลักเป็นหัวหอกตัวเป้า
คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
คริสตัล พาเลซ:
เฮนเดอร์สัน; ริชาร์ดส์, ลาครัวซ์, เกฮี; มูนญอซ, ฮิวจ์ส, วอร์ตัน, มิทช์เชลล์; เอเซ, ซาร์; มาเตตา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เอแดร์ซอน, นูเนส, ดิอาส, กวาร์ดิโอล, โอไรลีย์; โควาชิช, แบร์นาร์โด; โดกู, เดอ บรอยน์, มาร์มูช; ฮาลันด์
เส้นทางสู่ เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ
คริสตัล พาเลซ
https://twitter.com/EmiratesFACup/status/1923367702153834657
เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 – คริสตัล พาเลซ 1-0 สต็อคพอร์ท เคาท์ตี
ทัพ ปราสาทเรือนแก้ว เปิดหัว เอฟเอ คัพ ด้วยการเปิดบ้าน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของทีมจาก ลีกวัน โดย พาเลซ ได้ประตูชัยจาก เอเบเรชี เอเซ ตั้งแต่ต้นเกม
เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 – ดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส 0-2 คริสตัล พาเลซ
ลูกทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ มี ดอนคาสเตอร์ จาก ลีกทู ในรอบที่ 4 และกรุยทางสู่รอบต่อไปแบบไม่ยากเย็นนักจากประตูของ ดาเนียล มูนญอซ ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม ตามด้วยลูกยิงของ จัสติน เดเวนนี ในครึ่งหลัง
เอฟเอ คัพ รอบที่ 5 – คริสตัล พาเลซ 3-1 มิลล์วอลล์
ศึก ดาร์บีแมตช์แห่งลอนดอนใต้ เกิดขึ้นใน เอฟเอ คัพ รอบที่ 5 โดยทีมเยือนเหลือผู้เล่นเพียง 10 ตั้งแต่ครึ่งแรกเมื่อ เลียม โรเบิร์ตส์ ผู้รักษาประตู มิลล์วอลล์ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามและเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนจากการทำเข้าประตูตัวเองของแข้งทีมเยือน ตามด้วยประตูจาก มูนญอซ ขณะที่ทีมเยือนทำได้เพียงประตูปลอบใจในครึ่งหลังและลูกปิดกล่องจาก เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์
เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ – ฟูแลม 0-3 คริสตัล พาเลซ
เกมเยือน คราเวน ค็อตเทจ ของทัพ เจ้าสัวน้อย ลงเอยด้วยชัยชนะขาดลอยของ พาเลซ จากประตูของ เอเซ ตั้งแต่นาทีที่ 34 ต่อด้วย อิสไมลา ซาร์ ให้หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ และปิดท้ายด้วย เอ็นเคเทียห์ ในนาทีที่ 75
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ – คริสตัล พาเลซ 3-0 แอสตัน วิลล่า
งานหินที่สุดของ ปราสาทเรือนแก้ว ในศึก เอฟเอ คัพ เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศที่ เวมบลีย์ โดยประตูจาก เอเซ และ ซาร์ (2) ส่งให้พวกเขากรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
https://twitter.com/EmiratesFACup/status/1922607824841883764
เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-0 ซัลฟอร์ด ซิตี้
แมนฯ ซิตี้ สร้างสถิติคว้าชัยถล่มทลายที่สุดในศึก เอฟเอ คัพ นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมาจากแฮตทริคของ เจมส์ แม็คอาที พ่วงประตูจาก แจ็ค กรีลิช, เฌเรมี โดกู, ดิวิน มูบามา และ นิโก โอไรลีย์ ส่งให้ทัพ เรือใบสีฟ้า อัดตัวแทนจาก ลีกทู ขาดลอย
เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 เลย์ตัน โอเรียนต์ 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ซิตี้ ถูกลูบคมโดยทีมจาก ลีกวัน เมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนแต่พวกเขาก็สามารถพลิกแซงกลับมาเอาชนะได้สำเร็จจาก อับดูโคดีร์ คูซานอฟ และ เควิน เดอ บรอยน์
เอฟเอ คัพ รอบที่ 5 – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 พลีมัธ อาร์ไกล์
เป็นอีกครั้งที่ทีมจากนอกเวที พรีเมียร์ลีก ออกนำ ซิตี ไปก่อนในศึก เอฟเอ คัพ แต่พวกเขาก็สามารถทวงคืนประตูได้ทันควันตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรกโดย นิโก โอไรลีย์ โดยเป็นเขาคนเดิมที่เบิ้ลประตูให้เจ้าถิ่นพลิกออกนำในครึ่งหลัง ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตอกฝาโลงในช่วงท้ายเกมจากประตูของ เควิน เดอ บรอยน์
เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ – เอเอฟซี บอร์นมัธ 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เกมยากของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อพลพรรค เดอะเชอร์รีส์ เป็นฝ่ายขึ้นนำตั้งแต่ครึ่งทางของครึ่งแรกก่อนที่พวกเขาจะสามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้จากประตูของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ โอมาร์ มาร์มูช
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ – น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนฯ ซิตี้ ไร้ปัญหาในรอบรองฯ เมื่อประตูจาก ริโก ลูอิส เบิกร่องให้พวกเขาขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ ยอสโก กวาร์ดิโอล จะสังหารประตูย้ำชัยในช่วงต้นครึ่งหลัง