มิชาเอล บัลลัค ตำนานกองกลางทีมชาติเยอรมนี ออกมาแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อปรากฏการณ์ “สมองไหล” ครั้งสำคัญของวงการฟุตบอลบ้านเกิด หลังจากสองดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุคอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ นิค โวลเทเมเดอ ตัดสินใจย้ายออกจากบุนเดสลีกาไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอังกฤษในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งบัลลัคมองว่านี่คือสัญญาณอันตรายที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของลีกสูงสุดเมืองเบียร์
การย้ายทีมของสองดาวเตะอนาคตไกลสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการ โดย ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์อัจฉริยะวัย 22 ปี ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปร่วมทัพลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวมหาศาลที่อาจสูงถึง 116 ล้านปอนด์ ขณะที่ นิค โวลเทเมเดอ กองหน้าดาวรุ่งวัย 23 ปี ก็อำลาสตวร์มการ์ทไปอยู่กับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 65 ล้านปอนด์
บัลลัค ผู้เคยมีประสบการณ์ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับเชลซี ยอมรับว่าเขาไม่ได้แปลกใจที่นักเตะทั้งสองเลือกที่จะย้ายไปสู่ลีกที่มีกำลังซื้อมหาศาล แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสถานะของบุนเดสลีกาที่กำลังถูกลดทอนความน่าดึงดูดลงไป
“แน่นอนว่าสโมสรอังกฤษจ่ายเงินในระดับที่บ้าคลั่ง” บัลลัคให้สัมภาษณ์กับ Bild
“แต่ในกรณีของเวิร์ตซ์ แม้แต่บาเยิร์นก็พร้อมที่จะทุ่มเงินถึง 100 ล้านยูโร แต่สำหรับโวลเทเมเดอ มันเป็นอีกกรณีหนึ่ง บาเยิร์นมีงบประมาณที่จำกัด ผมเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจไม่จ่ายมากกว่า 55 ล้านยูโร เพราะนักเตะไม่ได้มีค่ามากไปกว่านั้นสำหรับพวกเขา”
“แต่โดยพื้นฐานแล้ว ผมกังวลกับเรื่องอื่นมากกว่า” ตำนานอินทรีเหล็กกล่าวต่อ “เอาเวิร์ตซ์เป็นตัวอย่าง มันสมเหตุสมผลสำหรับเขาและการพัฒนาของเขาที่จะเล่นให้บาเยิร์นในบุนเดสลีกาต่อไปอีก 2-3 ปีหรือไม่? แน่นอน เขาอาจจะได้แชมป์ที่นั่น แต่บุนเดสลีกายังคงเป็นความท้าทายในระดับสูงสุดสำหรับเขาอยู่หรือเปล่า? คำตอบคือไม่ เพราะบุนเดสลีกาถูกพรีเมียร์ลีกแซงหน้าไปหลายปีแล้ว นี่คือความจริง มันจึงไม่น่าดึงดูดสำหรับนักเตะระดับท็อปอีกต่อไป”
ความคิดเห็นของบัลลัคยังได้รับการสนับสนุนจาก อูลี เฮอเนส ประธานกิตติมศักดิ์ของบาเยิร์น มิวนิค ที่วิจารณ์การใช้เงินของทีมจากอังกฤษอย่างดุเดือด “สิ่งที่นิวคาสเซิ่ลทำมันไม่เกี่ยวกับฟุตบอลเลย มันเหมือนเกม Monopoly มากกว่า”
สถานการณ์ปัจจุบัน เวิร์ตซ์ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับลิเวอร์พูลในช่วง 3 นัดแรกของฤดูกาลแล้ว ขณะที่โวลเทเมเดอยังคงต้องใช้เวลาปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ ซึ่ง เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือ “สาลิกาดง” ก็ได้ออกมาขอความเห็นใจจากแฟนบอลให้เวลาดาวเตะคนใหม่ในการปรับตัวเข้ากับทีมและลีกใหม่
ปรากฏการณ์นี้ได้จุดประกายให้เกิดคำถามสำคัญถึงอนาคตของบุนเดสลีกา ว่าจะสามารถรับมือกับพลังทางการเงินและแรงดึงดูดมหาศาลของพรีเมียร์ลีกได้อย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อรั้ง “สมบัติของชาติ” ให้อยู่พัฒนาฝีเท้าในประเทศต่อไป