น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ออกโรงปกป้องเจ้าของสโมสรอย่าง เอวานเกลอส มารินากิส อย่างเต็มที่ หลังเกิดเหตุการณ์ที่เจ้าตัวมีปากเสียงกับ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ผู้จัดการทีมกลางสนามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากสโมสร ระบุว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเพียง “ความไม่เข้าใจและการตีความผิดโดยไร้ข้อเท็จจริง” พร้อมยืนยันว่าไม่มีเหตุทะเลาะหรือขัดแย้งใด ๆ อย่างที่มีการนำเสนอในโลกออนไลน์
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังเกมที่ ฟอเรสต์ เปิดบ้านเสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างสุดระทึก 2-2 ซึ่งเป็นผลที่สร้างความเสียหายต่อความหวังในการคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า โดยเฉพาะเมื่ออีกฝั่งเป็นทีมที่ตกชั้นไปแล้ว
ภาพที่หลุดออกมาจากสนาม ซิตี้ กราวด์ เผยให้เห็น มารินากิส เดินลงไปยังสนามพูดคุยกับ นูโน่ ด้วยท่าทีไม่พอใจ ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการที่ทีมต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คนในช่วงท้ายเกมหลัง ไตโว่ อโวนิยี่ ได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้
นูโน่ พยายามลดกระแส โดยอธิบายว่าการกระทำของ มารินากิส เป็นเพียงการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกผิดหวังต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ต่อมา อโวนิยี่ ได้เข้ารับการผ่าตัดที่ช่องท้อง หลังได้รับบาดเจ็บจากจังหวะพุ่งเข้าชนเสาในขณะที่พยายามทำประตู แม้ภาพช้าจะแสดงให้เห็นว่าจังหวะดังกล่าวเป็นการล้ำหน้าอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ มารินากิส เคยออกแถลงสั้น ๆ อธิบายว่าเขาแค่แสดงปฏิกิริยาตามธรรมชาติของคนที่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างใกล้ชิด และล่าสุดก็มีแถลงการณ์ฉบับที่สองซึ่งคราวนี้เป็นการชี้แจงในนามของสโมสรโดยตรง
แถลงการณ์ระบุว่า:
“น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ขอยืนยันว่า ไตโว่ อโวนิยี่ กำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูร่างกายหลังเข้ารับการผ่าตัดช่องท้องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ความรุนแรงของอาการบาดเจ็บครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงทางร่างกายที่นักฟุตบอลต้องเผชิญ และทำให้เราตระหนักว่าเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของนักเตะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด
สำหรับ เอวานเกลอส มารินากิส แล้ว น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอล แต่คือครอบครัว และเขาได้ปลูกฝังแนวคิดนี้ไว้ในทุกคนที่มีส่วนร่วมในทีม
นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับเหตุการณ์ในวันนั้น การกระทำของเขาสะท้อนถึงความรับผิดชอบ ความห่วงใย และความผูกพันอย่างแท้จริง
ในช่วงสิบสุดท้ายของเกม เมื่อเขาเห็นนักเตะของเราทนเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะอยู่นิ่งเฉยอยู่ข้างสนาม
ความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นนักเตะของเรานอนเจ็บอยู่แบบนั้น จึงทำให้เขาตัดสินใจเดินลงสนาม ซึ่งเป็นการตอบสนองตามสัญชาตญาณ เป็นการกระทำตามหัวใจของคนที่รักและทุ่มเทให้กับทีม
และถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เขาก็พร้อมจะทำแบบเดิมอีกครั้งโดยไม่ลังเล
ความจริงก็คือ ไม่มีการเผชิญหน้าระหว่าง มารินากิส กับ นูโน่ หรือบุคคลใดภายในสนาม มีเพียงความรู้สึกร่วมกันถึงความไม่พอใจว่า ทีมแพทย์ไม่ควรปล่อยให้นักเตะฝืนเล่นต่อทั้งที่เจ็บหนัก
ด้วยเหตุนี้ เราขอเรียกร้องให้บรรดาอดีตนักเตะและโค้ช รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอล อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจหรือแชร์ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเมื่อพวกเขายังไม่ทราบข้อเท็จจริงครบถ้วน
การปลุกกระแสเพื่อเรียกยอดไลก์โดยใช้ความเข้าใจผิดเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย โดยเฉพาะกับนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ
เราขอเรียกร้องให้ผู้มีอิทธิพลในวงการแสดงความเคารพต่อสวัสดิภาพของนักเตะในแบบเดียวกับที่พวกเขามักเรียกร้องจากผู้อื่น
สำหรับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สุขภาพกายและใจของนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชต้องมาก่อนเรื่องภาพลักษณ์ สื่อ หรือการสร้างกระแสใด ๆ ทั้งสิ้น
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ วงการฟุตบอลควรจับมือกันสนับสนุนผู้ที่ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจลงสนามทุกสัปดาห์ นั่นแหละคือความเป็นผู้นำที่แท้จริงในโลกของฟุตบอล”