7msport

“นี่ไม่ใช่ฟุตบอล!” มาเรสก้า ฉุนขาด! ซัดเกมสโมสรโลกหยุด 2 ชม. “เรื่องตลก”, ตั้งคำถามสหรัฐฯ เหมาะจัดทัวร์นาเมนต์หรือไม่?

เอ็นโซ่ มาเรสก้า ผู้จัดการทีม เชลซี ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจหยุดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่พบกับ เบนฟิก้า เป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย โดยกุนซือชาวอิตาเลียนถึงกับกล่าวว่ามันเป็น “เรื่องตลก” และ “นี่ไม่ใช่ฟุตบอล” พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของสหรัฐอเมริกาในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ เชลซี เอาชนะ เบนฟิก้า ไปอย่างสุดดราม่า 4-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งการแข่งขันทั้งหมดใช้เวลายาวนานถึง 4 ชั่วโมง 39 นาที และจบลงในเวลา 01:39 น. ของวันอาทิตย์ (ตามเวลาอังกฤษ) โดยเกมต้องหยุดชะงักลงในนาทีที่ 85 ขณะที่เชลซีนำอยู่ 1-0 เนื่องจากมีการตรวจพบพายุฝนฟ้าคะนองในรัศมี 8 ไมล์จากสนาม ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา และนี่คือเกมที่ 6 ของทัวร์นาเมนต์นี้แล้วที่ต้องหยุดการแข่งขันลงด้วยเหตุผลเดียวกัน

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก บอกตามตรงนะ” มาเรสก้ากล่าวอย่างหัวเสีย “นี่ไม่ใช่ฟุตบอล มันเป็นอะไรที่ใหม่โดยสิ้นเชิง ผมพยายามจะทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ ผมเข้าใจได้ถ้ามันเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ถ้าคุณต้องหยุดเกมไปแล้ว 7 หรือ 8 เกม บางทีนี่อาจจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมที่จะจัดการแข่งขัน

“มันไม่ปกติเลยที่จะต้องหยุดเกม ในฟุตบอลโลก มีกี่เกมที่ต้องหยุด? อาจจะศูนย์เลยก็ได้ ในยุโรปล่ะ มีกี่เกมที่ต้องหยุด? ศูนย์ เรามาที่นี่สองสัปดาห์ และพวกเขาก็หยุดเกมไปแล้วหกหรือเจ็ดเกม สำหรับผมแล้วมันมีปัญหาบางอย่าง”

ไทม์ไลน์สุดปั่นป่วนของเกม:

  • 21:00 น. (เวลาอังกฤษ): เริ่มการแข่งขัน
  • 22:53 น.: นาทีที่ 85 การแข่งขันหยุดลง ขณะที่ เชลซี นำ 1-0 จากประตูของ รีซ เจมส์ ในนาทีที่ 64
  • 00:47 น.: กลับมาแข่งขันต่อ
  • 00:54 น.: VAR ตรวจสอบจังหวะจุดโทษของเบนฟิก้า
  • 00:57 น.: อังเคล ดิ มาเรีย ยิงจุดโทษตีเสมอให้เบนฟิก้าในนาทีที่ 95
  • 01:01 น.: หมดเวลา 90 นาที
  • 01:39 น.: จบการต่อเวลาพิเศษ – เชลซีชนะหลังจากยิงเพิ่ม 3 ประตูจาก คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, เปโดร เนโต้ และ เคียร์แนน ดิวส์เบอรี่-ฮอลล์ ขณะที่ จานลูก้า เปรสเตียนนี่ ดาวรุ่งของเบนฟิก้าถูกไล่ออก

เชลซีรับมือกับการหยุดเกมอย่างไร?

ผู้เล่นเชลซีอย่าง มาร์ค กูกูเรย่า, ลีวาย โคลวิลล์ และ โทซิน อดาราบิโอโย่ ต่างก็แสดงความไม่พอใจอย่างมากตอนที่ถูกเรียกออกจากสนาม เช่นเดียวกับ มาเรสก้า เนื่องจากทีมกำลังจะคว้าชัยชนะโดยเหลือเวลาอีกเพียง 5 นาทีเท่านั้น

มาเรสก้าอธิบายถึงบรรยากาศในช่วงที่เกมหยุดไปว่า “สองชั่วโมงข้างในนั้น ผู้คนคุยกับครอบครัวข้างนอก (เพื่อเช็ค) ว่าพวกเขาปลอดภัยดีไหม ผู้คนกิน, หัวเราะ, คุยโทรศัพท์มือถือ มันเป็นเวลาสองชั่วโมง นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกว่ามันไม่ใช่ฟุตบอล ตลอด 85 นาที เราควบคุมเกมได้หมด เราไม่เสียประตูเลย เราสร้างโอกาสได้มากพอที่จะชนะเกม แต่แล้วหลังจากพักไป เกมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”

รีซ เจมส์ กล่าวเสริมว่า “มันค่อนข้างจะรบกวนสมาธิมากเมื่อคุณกำลังอยู่ในจังหวะของเกม มีการเปลี่ยนตัวมากมาย พยายามที่จะวอร์มร่างกายและรักษาความอบอุ่น มันยากลำบาก และอากาศก็ร้อนและชื้นมาก” ขณะที่ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ปราการหลังของทีม ก็โพสต์ติดตลกลงบนโซเชียลมีเดียว่า “เกมเริ่มวันเสาร์ จบวันอาทิตย์”

สหรัฐอเมริกาเหมาะกับการจัดทัวร์นาเมนต์ช่วงซัมเมอร์หรือไม่?

นี่คือการหยุดเกมที่ยาวนานเป็นอันดับสองของทัวร์นาเมนต์ และเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้แล้วถึง 6 ครั้งใน 5 เมืองที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ หลายทีมยังต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดย มาเรสก้าเคยกล่าวว่ามัน “เป็นไปไม่ได้” ที่จะทำการฝึกซ้อมตามปกติที่แคมป์เก็บตัวก่อนหน้านี้ในฟิลาเดลเฟีย

อาร์แซน เวนเกอร์ หัวหน้ากลุ่มศึกษาวิเคราะห์เกมของฟีฟ่า ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ผมยอมรับว่ามันไม่สมบูรณ์แบบ เพราะคุณต้องการให้เกมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคุณจัดการแข่งขัน คุณก็ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก”

ฟีฟ่ายังได้ออกแถลงการณ์ในขณะเกิดเหตุการณ์ว่า “เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในชาร์ลอตต์ รวมถึงความเสี่ยงจากฟ้าผ่าในบริเวณใกล้เคียงสนามแบงค์ ออฟ อเมริกา สเตเดี้ยม การแข่งขันฟุตบอลสโมสรโลกคู่ระหว่าง เบนฟิก้า และ เชลซี จึงต้องหยุดการแข่งขันลง ฟีฟ่าจะปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยที่กำหนดไว้ และการแข่งขันจะกลับมาดำเนินต่อทันทีที่ปลอดภัย”

อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ได้จุดประกายให้เกิดคำถามครั้งใหญ่ถึงความเหมาะสมของการให้สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีกำหนดจะเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2026 ในอีกไม่ถึงสองปีข้างหน้า