ท่ามกลางข่าวลือเรื่องการย้ายทีมของบรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ มีรายงานที่สร้างความตกตะลึงไปทั่ววงการฟุตบอล เมื่อ Sky Switzerland (ในภาษาฝรั่งเศส) เปิดเผยว่า นาโปลี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ได้เริ่มต้นพูดคุยกับตัวแทนของ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ระดับโลกจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกี่ยวกับการย้ายทีมแบบไร้ค่าตัว เมื่อสัญญาของเขากับ “เรือใบสีฟ้า” สิ้นสุดลงในช่วงซัมเมอร์หน้า
ข่าวดังกล่าวสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเดอ บรอยน์ ถือเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก และเป็นหัวใจสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาโดยตลอด การที่นาโปลี ซึ่งแม้จะเป็นแชมป์เซเรีย อา ในฤดูกาลก่อนหน้า แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มทีมที่มีกำลังทางการเงินทัดเทียมกับสโมสรชั้นนำอื่นๆ ที่มักจะตกเป็นข่าวกับเดอ บรอยน์อย่าง เรอัล มาดริด หรือสโมสรจากซาอุดีอาระเบีย การเข้ามามีส่วนร่วมในดีลนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
เควิน เดอ บรอยน์ วัย 33 ปี (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2025) ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ้างในบางช่วง แต่ทักษะการจ่ายบอลอันเฉียบคม วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการทำประตู ทำให้เขายังคงเป็นนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอล การที่สัญญาของเขากำลังจะหมดลงในซัมเมอร์ปี 2025 ทำให้เขาสามารถเจรจาล่วงหน้ากับสโมสรใดก็ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025
สำหรับนาโปลี การคว้าตัวนักเตะระดับเดอ บรอยน์ มาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัว จะถือเป็นการเสริมทัพครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นการยกระดับทีมขึ้นไปอีกขั้นอย่างมหาศาล พวกเขาอาจไม่สามารถเสนอค่าเหนื่อยที่สูงลิบเท่านักเตะจากลีกซาอุดีอาระเบีย หรือแม้แต่สโมสรยักษ์ใหญ่บางแห่ง แต่เสน่ห์ของฟุตบอลอิตาลี การได้เล่นในถ้วยยุโรป และการได้เป็นหัวใจหลักของโปรเจกต์ที่น่าสนใจ อาจเป็นปัจจัยดึงดูดใจสำหรับเดอ บรอยน์ที่อาจมองหาความท้าทายใหม่ๆ ในช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้ง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการพูดคุย และยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ต้องพิจารณา ทั้งความสนใจจากสโมสรอื่น, ข้อเสนอสัญญาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอง (หากมี), และความต้องการส่วนตัวของเดอ บรอยน์ แต่การที่นาโปลีกล้าที่จะเดินหน้าในดีลระดับนี้ แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ของสโมสร
แฟนบอลทั่วโลกคงต้องจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดว่า การเจรจาระหว่างนาโปลีและตัวแทนของเควิน เดอ บรอยน์ จะนำไปสู่บทสรุปที่เหลือเชื่อในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปีหน้าหรือไม่