7msport

ตำนานผู้ยิ่งใหญ่! ติอาโก้ ซิลวา กับภารกิจสุดท้าย นำ ฟลูมิเนนเซ่ สู่ฝันแชมป์สโมสรโลก

ในวัยที่เข้าใกล้ 41 ปี ติอาโก้ ซิลวา ไม่ได้กลับมา ฟลูมิเนนเซ่ เพียงเพื่อแขวนสตั๊ด แต่เขากลับมาในฐานะผู้นำ, โค้ชในสนาม และจิตวิญญาณของทีม เพื่อนำสโมสรในวัยเด็กของเขาสู่ฝันสูงสุดในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก

ภาพที่แฟนบอลได้เห็นหลังจบเกมที่ ฟลูมิเนนเซ่ พลิกเอาชนะ อัล ฮิลาล คือภาพของ ติอาโก้ ซิลวา ที่ยืนนิ่งสงบ เดินตรงเข้าอุโมงค์อย่างมุ่งมั่น ขณะที่เพื่อนร่วมทีมกำลังเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง มันคือภาพสะท้อน “พลังพิเศษ” ของเขา นั่นคือ “การควบคุม”

ในทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นอายุน้อยกว่าเขาเป็นสิบปี ซิลวาคือทุกสิ่งทุกอย่างของทีม เรนาโต้ เกาโช่ ผู้จัดการทีมถึงกับกล่าวว่า “เขาคือโค้ชในสนาม เขาคือความสงบและประสบการณ์ของทีม ในเกมใหญ่ๆ การมีผู้เล่นแบบเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด”

แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นผู้นำที่ทรงพลังยิ่งกว่าประสบการณ์ในสนาม คือเรื่องราวและความเปราะบางที่เขาพร้อมจะเปิดเผยเพื่อปลุกใจเพื่อนร่วมทีม ก่อนเกมกับ อินเตอร์ มิลาน เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กินใจทุกคนในห้องแต่งตัว:

“อย่ารอจนจบเกมแล้วค่อยมาพูดว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้… พ่อเลี้ยงของผมคือคนที่ทำให้ผมเป็น ติอาโก้ ซิลวา ตอนที่ท่านป่วย ผมไม่รู้เลยว่ามันร้ายแรงแค่ไหน” เขากล่าวทั้งน้ำตา “ผมกลับไปปารีส เริ่มปรีซีซั่น แล้วภรรยาผมก็โทรมาบอกว่า ‘พ่อของคุณเสียแล้ว’…”

“สิ่งที่ผมพยายามจะบอกคือ… ผมไม่ได้ไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลเพราะคิดว่าท่านจะหายดี อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปในสิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้ เพราะมันอาจจะไม่มีเวลาอีกแล้ว… ออกไปสู้ซะ แข่งขันกันเข้าไปสิวะ!”

คำพูดไม่ถึง 90 วินาทีนี้ ได้สรุปทุกอย่างเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของเขา และอาจเป็นคำตอบว่าทำไมบราซิลถึงพ่ายแพ้เยอรมนี 7-1 ในวันที่ไม่มีเขาในสนามฟุตบอลโลก 2014

จากการต่อสู้กับวัณโรคจนเกือบต้องเลิกเล่นฟุตบอล สู่การคว้าแชมป์มาแล้วทั่วยุโรป วันนี้ ติอาโก้ ซิลวา กำลังนำพาสโมสรที่เขารักไล่ล่าเกียรติยศสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยหัวใจของนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้