ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ตำนานกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงบทบาทครั้งสำคัญภายในสโมสร ด้วยการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี
เจสัน วิลค็อกซ์ ผู้อำนวยการฟุตบอล และ นิค ค็อกซ์ ผู้อำนวยการอะคาเดมี่ที่กำลังจะอำลาตำแหน่ง ได้ยื่นข้อเสนอตำแหน่งใหม่นี้ให้กับ เฟล็ทเชอร์ หลังจากที่ อดัม ลอว์เรนซ์ ซึ่งทำหน้าที่นี้มาตลอดสองปีหลังสุด เลือกที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง เฟล็ทเชอร์ วัย 41 ปี แม้จะมีทางเลือกในการทำงานเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในทีมสตาฟฟ์ของ รูเบน อโมริม ต่อไป แต่คาดว่าเขาจะตัดสินใจว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ารับบทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอนและช่วยสโมสรในการเติมเต็มตำแหน่งสำคัญที่ว่างลง
ภายใต้การคุมทีมของ อโมริม, เฟล็ทเชอร์มีหน้าที่ช่วยเหลือในการฝึกซ้อมและให้คำแนะนำแก่ผู้เล่นและนักวิเคราะห์ แต่ในบทบาทใหม่ที่กำลังจะได้รับนี้ จะเป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาที่ได้วางแผนและเลือกทีมด้วยตัวเองอย่างเต็มตัวในกลุ่มอายุที่สำคัญของอะคาเดมี่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ
เฟล็ทเชอร์ ซึ่งถือใบอนุญาตผู้ฝึกสอนระดับ ยูฟ่า เอ ไลเซนส์ ถูกมองโดย วิลค็อกซ์ และ ค็อกซ์ ว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะผสมผสานในการดูแลผู้เล่นที่กำลังเติบโตสู่วัยที่มักจะอยู่บนเส้นแบ่งของการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เฟล็ทเชอร์เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของยูไนเต็ด โดยเข้าร่วมกับสโมสรตั้งแต่อายุ 11 ปีในปี 1995 เขาประเดิมสนามภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในศึกแชมเปียนส์ลีก ปี 2003 และลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปทั้งสิ้น 342 นัด ทำได้ 24 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัย
เขาเคยเอาชนะโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล (ulcerative colitis) กลับมาและมีช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีในปี 2016 และ สโต๊ค ซิตี้ เขาติดทีมชาติสกอตแลนด์ 80 นัด ทำได้ 5 ประตู
เขากลับมาร่วมงานกับ ยูไนเต็ด อีกครั้งในฐานะโค้ชทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีในปี 2020 ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคในเดือนมีนาคม 2021 และเปลี่ยนมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในยุคของ เอริค เทน ฮาก หลังการมาถึงของ วิลค็อกซ์
เฟล็ทเชอร์จะก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการทีมในอนาคตได้หรือไม่?
เฟล็ทเชอร์มีแผนที่จะเป็นผู้จัดการทีมในอนาคต ดังนั้นนี่จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญบนเส้นทางนั้น มันมาพร้อมกับความกดดันของการเป็นเบอร์หนึ่ง การมีโอกาสคุมทีมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด หรือสนามใหญ่อื่นๆ ในศึกเอฟเอ ยูธ คัพ และความรับผิดชอบต่อสื่อที่เพิ่มขึ้น เขาเคยมีโอกาสที่จะรับตำแหน่งในลักษณะนี้มาก่อน แต่การที่ลูกชายฝาแฝดของเขาอย่าง แจ็ค และ ไทเลอร์ อยู่ในระบบของยูไนเต็ด อาจทำให้เกิดมุมมองบางอย่างเกี่ยวกับการจัดการดูแลพวกเขา แต่ตอนนี้ทั้งคู่อายุ 18 ปี และได้ก้าวขึ้นไปสู่ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีแล้ว ทำให้เขาจะไม่มีบทบาทในสโมสรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของลูกชายโดยตรง
ในระดับ U-18 เฟล็ทเชอร์จะได้รับการช่วยเหลือจาก คอลิน ลิตเติ้ล วัย 52 ปี ซึ่งเป็นโค้ชที่ยูไนเต็ดมาตั้งแต่ปี 2009 ขณะที่ ทราวิส บินเนียน จะคอยให้คำแนะนำในฐานะหัวหน้าฝ่ายพัฒนาผู้เล่นและการฝึกสอน
มุมมองของ นิค ค็อกซ์ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่ เฟล็ทเชอร์ ได้รับการเสนองานนี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ อดัม ลอว์เรนซ์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ทีม U-18 ของยูไนเต็ดคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ในปี 2024 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของเอฟเอ ยูธ คัพ ในปีนี้ ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า แชมป์ในท้ายที่สุด ด้วยการดวลจุดโทษที่วิลล่า พาร์ค
การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญสำหรับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ บนเส้นทางสายกุนซือ และเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถปลุกปั้นแข้งดาวรุ่งประดับวงการได้เหมือนที่เขาเคยเป็นมาหรือไม่