เลียม ดีแลป กองหน้าดาวรุ่งของ เชลซี ปลดล็อกประตูแรกของเขากับสโมสรได้แล้ว ในเกมที่ “สิงห์บลูส์” เอาชนะ เอส ทูนิส 3-0 และตีตั๋วเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ฟุตบอลสโมสรโลกได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าเชลซีทำเงินจากการแข่งขันนี้ไปแล้วถึง 33.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,580 ล้านบาท) มากกว่าค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) ที่จ่ายไปสำหรับดีแลปถึง 3.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 177 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม กำไรส่วนเกินนี้แทบไม่ครอบคลุมค่าเหนื่อย 8 เดือนแรกของดีแลปเลยด้วยซ้ำ
อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 รายนี้เซ็นสัญญากับสแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าเหนื่อยราว 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 4.67 ล้านบาท) หรือ 5.2 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 243 ล้านบาท) ไปจนถึงปี 2031
เชลซีไม่จำเป็นต้องออกแรงมากนักท่ามกลางอากาศร้อนจัดในสหรัฐอเมริกาเพื่อทำเงิน 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,168 ล้านบาท) แรกจากการเข้าร่วมฟุตบอลสโมสรโลก แต่ชัยชนะเหนือ ลอส แอนเจลิส และเอส ทูนิส ทำให้พวกเขาได้รับเงินเพิ่มอีก 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 70 ล้านบาท) ในแต่ละนัด รวมเป็น 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) และอีก 5.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 271 ล้านบาท) สำหรับการผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์
ดีแลป กับสไตล์การเล่นที่ดุดัน และเสื้อหมายเลข 9 ในตำนาน
ดีแลปชอบการเล่นที่ดุดันและแข็งแกร่ง ซึ่งคล้ายกับกองหน้าตัวเป้าสมัยเก่า เขากล่าวว่า: “ใช่ครับ ผมชอบการต่อสู้แบบนั้น ผมชอบมาตลอดตั้งแต่เด็ก”
“ผมชอบการเล่นที่ดุดันและธรรมชาติของการแข่งขันในทีมจริงๆ ครับ” “บางครั้งมันก็ต้องควบคุม แต่ท้ายที่สุดแล้วมันคือสไตล์การเล่นของผม และผมก็สนุกกับมัน”
เขายังไม่หวั่นกับการที่เชลซีมอบเสื้อหมายเลข 9 อันเป็นสัญลักษณ์ให้แก่เขา ดาวดังอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส, ราดาเมล ฟัลเกา, อัลบาโร่ โมราต้า, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ โรเมลู ลูกากู ล้วนแต่ประสบปัญหาในการสวมเสื้อหมายเลขนี้กับ “สิงห์บลูส์”
แต่ดีแลปบอกกับ talkSPORT ว่า: “ผมเป็นคนเลือกเองครับ ท้ายที่สุดแล้ว มันก็แค่ตัวเลขบนหลังเสื้อของคุณ”
“หมายเลข 9 มักจะเกี่ยวข้องกับกองหน้า ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมชอบ แต่ไม่มีความกดดันอะไรเลย”
ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าดีแลปจะประสบความสำเร็จกับเสื้อหมายเลข 9 หรือไม่ แต่ในแง่การเงิน ตัวเลขของเขาก็เริ่มสร้างผลกำไรให้กับเชลซีแล้ว เพราะยอดรวมนั้นเป็นเพียงค่าเข้าร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ที่มี 64 ทีม หลังจากนั้น “สิงห์บลูส์” ก็ไม่ได้รับอะไรเลยจากเกมกลุ่ม D นัดแรก เมื่อ ฟลาเมงโก้ พลิกกลับมาชนะ 3-1