7msport

“ซูเปอร์แซม” ท้าชน เมสซี่! ‘เซอร์ริดจ์’ ดาวยิงอังกฤษผู้ถูกลืม สู่การลุ้นดาวซัลโว MLS เคียงข้าง GOAT

ไม่ใช่ทีมบาสเกตบอล กริซลีย์ส, ไม่ใช่ทีมอเมริกันฟุตบอล ไททันส์ และไม่ใช่ทีมฮอกกี้น้ำแข็ง เพรเดเตอร์ส… แต่เป็นสโมสรฟุตบอล แนชวิลล์ เอสซี และชายชาวอังกฤษผู้มีชื่อเล่นว่า “ซูเปอร์แซม” ที่ได้นำพาเกียรติยศระดับอาชีพครั้งแรกมาสู่รัฐเทนเนสซี

ประตูชัยของ แซม เซอร์ริดจ์ ในศึก ยูเอส โอเพ่น คัพ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเพียงหนึ่งใน 29 ประตูที่เขากระหน่ำไปแล้วในทุกรายการฤดูกาลนี้ และ ณ วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2025 ดาวยิงวัย 27 ปีผู้นี้ กำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตค้าแข้งของเขา

เขากำลังขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (MLS Golden Boot) อย่างดุเดือด ด้วยผลงาน 23 ประตู ตามหลังเพียง เดนิส บูอังก้า (24 ประตู) และตำนานที่ยังมีลมหายใจ… ลิโอเนล เมสซี่ (26 ประตู)

และในเกมสุดท้ายของฤดูกาลปกติสุดสัปดาห์นี้ โชคชะตาก็กำลังจะนำพาทั้งคู่มาเผชิญหน้ากันโดยตรง เมื่อ อินเตอร์ ไมอามี่ ของเมสซี่ (พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทีมระดับโลกอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ฆอร์ดี้ อัลบา) จะบุกมาเยือนถิ่น จีโอดีส พาร์ค ของแนชวิลล์

“ช่วงกลางฤดูกาล ผมเคยนำอยู่ แล้วเมสซี่ก็ตามมาทัน” เซอร์ริดจ์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “มันยอดเยี่ยมมากนะ เพราะเขามีสถิติการยิงประตูที่เหลือเชื่อ มันเป็นเรื่องดีที่ได้สู้กับเขาแบบตาต่อตา”

เส้นทางที่แตกต่างราวฟ้ากับเหว เรื่องราวของเซอร์ริดจ์เปรียบเสมือนภาพสะท้อนของคำว่า “ไม่ยอมแพ้” ในขณะที่เมสซี่กำลังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 4 และบัลลงดอร์ สมัยที่ 5 เซอร์ริดจ์ในวัย 17 ปี กำลังถูกบอร์นมัธปล่อยยืมตัวไปหาประสบการณ์กับ เวย์มัธ ในลีกสมัครเล่น!

เขาผ่านการพเนจรค้าแข้งกับสโมสรเล็กๆ อย่าง พูล ทาวน์, โยวิล, โอลด์แฮม และ สวอนซี ก่อนจะกลับมาแจ้งเกิดกับบอร์นมัธ, ย้ายไปสโต๊ค และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แต่โอกาสในลีกสูงสุดกลับมีจำกัด

“การได้ไปเล่นกับสโมสรเหล่านั้น มันทำให้ผมมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง” เซอร์ริดจ์กล่าว “มันทำให้ผมพร้อมสำหรับการมาเล่นที่อเมริกา”

บทพิสูจน์แห่งความเชื่อมั่น การย้ายมาแนชวิลล์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 คือ “โอกาสครั้งใหม่” ที่เขาต้องการ “ผมอยากลงเล่น อยากลองอะไรที่แตกต่าง” เขาอธิบาย “แนชวิลล์ให้โอกาสผม มอบเสื้อหมายเลข 9 ให้ และบอกว่า ‘มาสร้างผลงานให้เราหน่อย'”

“ผมรู้สึกว่าผมได้ตอบแทนความเชื่อมั่นของพวกเขาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจากสโมสรมาตลอด”

ความมั่นคงและความเชื่อมั่นที่ได้รับ คือเชื้อเพลิงสำคัญที่ปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมา ฤดูกาลนี้เขาระเบิดฟอร์มยิงไปแล้ว 29 ประตู จาก 36 นัด เกือบสองเท่าของสถิติที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา

“ประสบการณ์และอายุที่มากขึ้นช่วยได้” เขากล่าว “ตอนนี้ผมใจเย็นขึ้นมากเมื่ออยู่หน้าปากประตู และความมั่นคงจากการที่รู้ว่าสโมสรหนุนหลังและให้ผมลงเล่นทุกสัปดาห์ มันช่วยได้จริงๆ”

เรื่องราวของ แซม เซอร์ริดจ์ คือเทพนิยายลูกหนังสมัยใหม่ที่น่าประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่ง มันคือบทพิสูจน์ว่าความสำเร็จสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ และไม่ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้รางวัลดาวซัลโวหรือไม่ แต่เขาก็ได้ชนะใจแฟนบอลทั่วโลกไปแล้วเรียบร้อย ในฐานะ “ซูเปอร์แซม” ผู้กล้าท้าทาย GOAT แห่งวงการฟุตบอล