โยฮันน์ ซาร์โก้ นักบิดเจ้าถิ่นจากทีม LCR Honda สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการมอเตอร์สปอร์ตฝรั่งเศส ด้วยการคว้าชัยชนะในการแข่งขัน MotoGP รายการ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนาม เลอ ม็องส์ ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนและความโกลาหลตลอดการแข่งขัน นับเป็นชัยชนะของนักบิดฝรั่งเศสในบ้านเกิดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1954 ทำเอาแฟนๆ กว่า 300,000 คนในสนามคลั่งด้วยความยินดี
ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดจากทีมโรงงาน Ducati (Ducati Lenovo Team) สามารถจบการแข่งขันในอันดับที่ 2 เก็บแต้มสำคัญทิ้งห่างคู่แข่งในตารางคะแนนสะสมออกไปอีก หลังจากที่ทั้ง อเล็กซ์ มาร์เกซ น้องชายจากทีม Gresini Racing MotoGP และ ฟรานเชสโก้ ‘เปคโค่’ บันยาญ่า แชมป์โลกจากทีมโรงงาน Ducati ต่างพลาดล้มไม่จบการแข่งขัน
#MotoGP Il francese Johann Zarco ha vinto il #FrenchGP in una gara fortemente condizionata dalla caduta intermittente della pioggia che ha costretto i piloti a cambiare più volte le gomme. Secondo Marc Marquez davanti a Fermin Aldeguer. Cade nel finale Alex Marquez pic.twitter.com/CPc4kcOcUk
— Rai Radio1 (@Radio1Rai) May 11, 2025
สภาพอากาศที่ เลอ ม็องส์ กลายเป็นปัจจัยสำคัญตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขัน มีสายฝนโปรยปรายลงมาในช่วงท้ายของรุ่น Moto2 และต่อเนื่องมาจนถึงก่อนเริ่มรุ่น MotoGP ทำให้พื้นผิวแทร็กเปียกชื้น แม้ฝนจะไม่หนักมากก็ตาม นักบิดส่วนใหญ่ออกสตาร์ทด้วยยางสลิคสำหรับพื้นแห้ง แต่ด้วยสภาพสนามที่ยังเปียก ทำให้เกิดความวุ่นวายทันทีหลังออกสตาร์ท นักบิดหลายคนรวมถึงสองพี่น้องมาร์เกซ และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ เจ้าของโพลโพซิชั่น ต้องรีบนำรถเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนไปใช้รถที่เซ็ตอัพสำหรับพื้นเปียก ส่งผลให้กรรมการต้องตีธงแดงยุติการแข่งขันชั่วคราว และลดจำนวนรอบลงจาก 27 เหลือ 26 รอบ
เมื่อกลับมาแข่งขันกันใหม่ นักบิดกว่า 10 คนที่เปลี่ยนรถกลับไปใช้ยางสลิคอีกครั้งหลังจากเห็นว่าพื้นสนามเริ่มแห้งในช่วง Sighting Lap (รอบวอร์มอัพก่อนรีสตาร์ท) ต่างถูกลงโทษ Double Long Lap Penalty ตามกฎ สร้างความโกลาหลให้กับการแข่งขันยิ่งขึ้นไปอีก
มาร์ค มาร์เกซ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นนำไปก่อน แต่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ก็สามารถแซงกลับขึ้นมานำได้ในไม่กี่รอบถัดมา และพยายามจะทิ้งห่าง แต่แล้วโชคร้ายก็มาเยือนแชมป์โลกชาวฝรั่งเศส เมื่อเขาพลาดล้มขณะที่กำลังถูก มาร์ค มาร์เกซ กดดันอย่างหนัก
ส่วน เปคโค่ บันยาญ่า ก็ต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่รอบที่สอง หลังจากเกิดการกระทบกระทั่งกับ เอเนีย บาสเตียนินี่ ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของเขายิ่งยากลำบากมากขึ้น
ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมด โยฮันน์ ซาร์โก้ อาศัยจังหวะและความเยือกเย็น ควบรถ Honda ของตนเองฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ขึ้นมาคว้าชัยชนะในบ้านเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่ สร้างความปลาบปลื้มให้กับแฟนๆ ชาวฝรั่งเศสในสนามเป็นอย่างมาก ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ แม้จะไม่ได้ชัยชนะ แต่การจบอันดับ 2 ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทิ้งห่างคะแนนสะสมในตารางแชมเปี้ยนชิพออกไปอีก หลังจากคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ และ เปคโค่ บันยาญ่า ต่างพลาดล้มไม่มีคะแนนในสนามนี้