คำถามข้างต้นอาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่หากพิจารณาจากผลงานและสถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้น นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะต้องพูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับ คริสตัล พาเลซ, ผู้จัดการทีม โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ และสถิติ “ไร้พ่าย 18 นัดติดต่อกันในทุกรายการ” ซึ่งยาวนานมาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน และเป็นการทาบสถิติสูงสุดของสโมสรที่เคยทำไว้เมื่อปี 1969 เลยทีเดียว
สถิติไร้พ่าย 18 นัด และผลงานสุดแกร่งกับทีมยักษ์ใหญ่
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาไร้พ่าย 18 นัดนี้ พาเลซลงสนามพบกับลิเวอร์พูลถึง 3 ครั้ง และเป็นฝ่ายเอาชนะได้ถึง 2 ครั้ง, บุกไปเสมออาร์เซน่อล, บุกไปชนะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, โค่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ และบุกไปยันเสมอเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลงานเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเมื่อมองไปทั่วยุโรป ก็ไม่มีทีมใดใน 5 ลีกใหญ่ที่มีสถิติไร้พ่ายยาวนานเท่าพวกเขาอีกแล้ว ทำให้พาเลซกลายเป็นทีมที่ถูกขนานนามว่า “แพ้ยากที่สุดในยุโรป” ในเวลานี้อย่างไร้ข้อกังขา
เบื้องหลังความสำเร็จ: แท็คติกของ “กลาสเนอร์” และคุณภาพนักเตะ
ทั้งหมดนี้คือเครดิตของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรีย ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง “ดิ อีเกิลส์” ให้กลายเป็นทีมที่ “เป็นฝันร้ายสำหรับคู่แข่ง” อย่างแท้จริง
“ต้องให้เครดิตพาเลซอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราแพ้พวกเขา” อาร์เน่ สล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลกล่าวหลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยอมรับว่าพาเลซมีอาวุธรอบด้าน ทั้งลูกตั้งเตะ, เกมสวนกลับ, การวางบอลยาว และที่สำคัญคือเกมรับที่มีระเบียบวินัยสูงมาก (เสียเพียง 12 ประตูจาก 18 นัด)
นอกจากแท็คติกที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณภาพของนักเตะก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ พาเลซชุดนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าดี ไม่ว่าจะเป็น อิสไมล่า ซาร์, ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า, อดัม วอร์ตัน, มาร์ค เกฮี หรือแม้แต่ ไทริค มิตเชลล์ ที่กำลังพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
และชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลล่าสุดก็ไม่ใช่ “การลักไก่” แต่อย่างใด เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมหงส์แดงถึงกับยอมรับว่า “ถ้าเราได้ผลเสมอ มันก็คงเป็นหนึ่งคะแนนที่มากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับเรา” ซึ่งเป็นการยืนยันว่าพาเลซเล่นได้ดีกว่าอย่างชัดเจน
ก้าวข้ามอุปสรรคสู่การเป็น “ม้ามืดลุ้นแชมป์”?
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือฟอร์มการเล่นอันสุดยอดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางช่วงซัมเมอร์ที่วุ่นวาย ทั้งการที่สโมสรถูกยูฟ่าลดชั้นจากการไปเล่น ยูโรปา ลีก ให้ไปเล่นใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก และที่สำคัญคือการเสีย “หัวใจของทีม” อย่าง เอเบเรชี่ เอเซ่ ไปให้กับอาร์เซน่อลคู่แข่งร่วมลีก
แต่พวกเขาก็ก้าวข้ามมันมาได้ และตอนนี้แฟนบอลในเซลเฮิร์สท์ พาร์ค ก็เริ่มร้องเพลง “เราจะคว้าแชมป์ลีก!” กันอย่างกึกก้อง… ก็ปล่อยให้พวกเขาฝันกันไป
เพราะวงการฟุตบอลในระดับสูงสุดต้องการเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจแบบนี้ และการผงาดขึ้นมาของ คริสตัล พาเลซ ในฐานะทีมที่แพ้ยากที่สุดในยุโรป ก็คือหนึ่งในเรื่องราวที่ดีที่สุดในเวลานี้อย่างไม่ต้องสงสัย