7msport

โรงละครแห่งความฝัน… หรือโรงละครสำหรับคนรวย? เมื่อ “แมนยู” ถามแฟนบอลว่าพร้อมจ่ายค่าตั๋วปี 240,000 บาทหรือไม่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังยืนอยู่บนทางแยกครั้งประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่เรื่องผลงานในสนาม แต่เป็นเรื่องของ “บ้าน” และ “จิตวิญญาณ” ของสโมสร ภายใต้การนำของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ โปรเจกต์สนามแห่งใหม่สุดยิ่งใหญ่ได้ถูกวาดฝันขึ้น แต่ล่าสุด ความฝันนั้นอาจมีราคาที่แฟนบอลรากหญ้าต้องจ่ายแพงอย่างไม่เคยคาดคิด

สโมสรได้ส่งแบบสำรวจถึงผู้ถือตั๋วปีและสมาชิก เพื่อ “หยั่งเสียง” เกี่ยวกับสนามใหม่ พร้อมแนบโครงสร้างราคาตั๋วปี “เบื้องต้น” ที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องตกตะลึง ตัวเลขสูงสุดที่ปรากฏในแบบสำรวจนั้นพุ่งไปถึง 4,830 ปอนด์ต่อฤดูกาล (ประมาณ 240,000 บาท) สำหรับที่นั่งที่ดีที่สุดในโซนใหม่ของอัฒจันทร์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ตัวเลขนี้สูงกว่าราคาตั๋วปีที่แพงที่สุดในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ปัจจุบัน (1,121 ปอนด์) ถึง 4 เท่าตัว!

แน่นอนว่าสโมสรรีบออกตัวว่า “ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องราคา” และนี่เป็นเพียง “การทดสอบความสนใจและความต้องการ” เท่านั้น พร้อมชูปรัชญาที่น่าสนใจว่า “เราต้องการให้ตั๋วที่ถูกที่สุดยังคงอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ และการจะทำเช่นนั้นได้ เราต้องพัฒนาตัวเลือกที่พรีเมียมและดีที่สุดในตลาด เพื่อนำรายได้ส่วนนั้นมาอุดหนุนตั๋วราคาถูก” หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นแนวคิด “คนรวยอุ้มคนจน” ในโลกฟุตบอล

อย่างไรก็ตาม แบบสำรวจนี้ได้เผยให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของสโมสร ที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็น “Entertainment Complex” เต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่สนามฟุตบอลอีกต่อไป มีการสอบถามความสนใจในสิ่งอำนวยความสะดวก รอบสนาม ทั้งบาร์, ร้านอาหาร, โรงแรม, คาสิโน หรือแม้แต่สปาเพื่อสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอโมเดลจากวงการกีฬาอเมริกันอย่าง “Seat Licences” หรือ “ใบอนุญาตซื้อที่นั่ง” ซึ่งแฟนบอลต้องจ่ายเงินก้อนหนึ่งเพื่อ “การันตีสิทธิ์” ในการซื้อตั๋วปีที่นั่งเดิมไปอีกหลายปี ซึ่งแม้สโมสรจะบอกว่าเป็น “ทางเลือก” แต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลอังกฤษครั้งใหญ่

วิสัยทัศน์ของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ที่จะสร้าง “Wembley of the North” ความจุ 100,000 ที่นั่งนั้นยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจ แต่คำถามสำคัญที่ก้องอยู่ในใจแฟนบอล “ปีศาจแดง” คือ ท่ามกลางผลงานในสนามที่ย่ำแย่ (จบอันดับ 15 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว) และทีมที่ยังหาทิศทางไม่เจอ การขอให้แฟนบอลจ่ายเงินมหาศาลเพื่อความฝันที่ยังมองไม่เห็นนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?

นี่คือบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคใหม่ จะยังคงเป็นสโมสรของแฟนบอลทุกชนชั้น หรือกำลังจะกลายร่างเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทอดทิ้งรากเหง้าและแฟนบอลผู้ภักดีที่เคยสร้าง “โรงละครแห่งความฝัน” แห่งนี้ขึ้นมากับมือ