บรรดากูรูหลายรายต่างออกมาแนะนำให้ผู้บริหาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลด รูเบน อโมริม พ้นตำแหน่ง แต่รายงานล่าสุดยืนยันว่า เขายังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อันตราย แม้จะเพิ่งพ่ายแพ้ต่อ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนก็ตาม
เมื่อพูดถึงผลงานของ อโมริม ทางด้าน เวย์น รูนี่ย์ เองก็ต้องยอมรับว่า เขาไม่มีผลงานในฐานะผู้จัดการทีมมากพอจะพูดได้เต็มปากเต็มคำ “ผมเคยลองทำงานกุนซือมาแล้ว และมันไม่ได้ออกมาดีเท่าไหร่ ผมเข้าใจดี” อดีตผู้จัดการทีมของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้, ดีซี ยูไนเต็ด, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และ พลีมัธ อาร์ไกล์ กล่าว
คำพูดนี้ไม่เกินจริงนัก เพราะจาก 178 นัดที่ รูนี่ย์ เคยคุมทีม เขาชนะได้เพียง 45 เกม หรือคิดเป็นอัตราเพียง 25.3% เท่านั้น ขณะที่ อโมริม แม้จะเจอช่วงยากลำบากที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ก็ยังมีอัตราชนะ 36.73% และหากนับรวมอาชีพการคุมทีม 308 นัด เขาทำสถิติชนะสูงถึง 65.91%
แน่นอนว่าความล้มเหลวของ รูนี่ย์ ไม่ได้ทำให้คำวิจารณ์ของเขาไร้ความหมายเสียทีเดียว เพียงแต่การพูดว่า อโมริม กำลังเจอทางตันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหลายเสียงจากสื่อก็มีท่าทีไปในทางเดียวกัน
เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาพูด “คุณไม่อยากเห็นใครต้องตกงาน แต่บางครั้งการแยกทางก็อาจเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย”
ทว่าความจริงแล้ว ยังไม่มีหลักประกันว่า หาก อโมริม ออกจากตำแหน่ง ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างที่คิด ที่สำคัญ ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกเพิ่งผ่านไปเพียง 6 นัดเท่านั้น โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บได้ 7 คะแนน มากกว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลลา หนึ่งแต้ม ตามหลัง เชลซี แค่แต้มเดียว และห่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียง 3 คะแนน
แม้ฟอร์มการเล่นยังคงไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะแนวรับที่พลาดอย่างหนักในเกมพ่าย เบรนท์ฟอร์ด แต่ตัวเลขเชิงสถิติบางอย่างกลับสะท้อนทิศทางเชิงบวกในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลแรกที่ อโมริม ได้เตรียมทีมอย่างเต็มตัว เช่น การนำตารางค่าคาดหวังประตู (xG) และเป็นทีมที่สร้างโอกาสยิงเฉลี่ยเกือบ 16 ครั้งต่อเกม ซึ่งมากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก
แม้สถิติอาจไม่ได้สะท้อนความจริงทั้งหมด แต่ก็เป็นสัญญาณว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กูรูหลายคนวิจารณ์ก็เป็นได้.