เพชรเม็ดงามที่รอการเจียระไน: “เฟอร์มิน อัลเดเกร” กับภารกิจพิชิตเก้าอี้ทีมโรงงาน Ducati ในปี 2027
การก้าวขึ้นสู่รุ่นใหญ่ MotoGP ในปี 2025 ของ เฟอร์มิน อัลเดเกร กับทีม Gresini Racing เต็มไปด้วยความคาดหวังที่หลากหลาย หลังจากโชว์ฟอร์มร้อนแรงท้ายฤดูกาล Moto2 ปี 2023 แต่กลับแผ่วลงในปี 2024 กับยาง Pirelli ทำให้หลายฝ่ายมองว่าปีแรกในรุ่นพรีเมียร์คลาสของเขาคือก “ปีแห่งการเรียนรู้” มากกว่าปีแห่งการกอบโกยความสำเร็จ
ทว่า รุกกี้หนุ่มผู้นี้กลับสร้างเซอร์ไพรส์และทิ้งร่องรอยแห่ง “ศักยภาพระดับแชมป์” ไว้ให้เห็นอย่างน่าสนใจ
แม้ 2 สนามแรกจะเงียบเหงา แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นที่ COTA (Austin) อัลเดเกรสตาร์ทจากกริดที่ 12 และไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาจนถึงท็อป 10 อย่างรวดเร็ว ในรอบที่ 16 เขาขึ้นมาถึงอันดับ 5 จ่อท้าย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี ก่อนจะพลาดล้มในโค้ง 15
แม้มันจะจบลงด้วยการล้ม แต่นั่นคือการ “ปลดล็อก” จิตใจของเขา “สนามนั้นคือจุดเปลี่ยน เราเข้า Q2 ได้ตั้งแต่วันศุกร์ และในเรซผมมั่นใจมาก แม้จะล้ม แต่ความมั่นใจที่ได้กลับมาสำคัญกว่า” อัลเดเกรกล่าว
อาวุธลับของอัลเดเกรที่คล้ายคลึงกับ เอเนีย บาสเตียนินี คือความเร็วในช่วงท้ายเกมที่น่ากลัว หลักฐานชัดเจนอยู่ที่ Red Bull Ring เขาจบรอบแรกในอันดับ 8 แต่เมื่อเข้าเส้นชัย เขาตามหลังผู้ชนะอย่าง มาร์ค มาร์เกซ เพียงแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น
“ผมรู้สึกสบายกับยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ช่วงท้ายเกมผมมักจะขี่ได้ดีกว่าช่วงแรกเสมอ” อัลเดเกรอธิบาย ซึ่งนี่คือโจทย์ที่เขาต้องแก้ คือการทำอย่างไรให้ช่วงต้นเกมดุดันเท่าช่วงท้าย
ในยุคปัจจุบัน การออกตัวแถวหน้าคือหัวใจสำคัญ อัลเดเกรยอมรับว่าเขาต้องปรับปรุงเรื่องการรีดสมรรถนะยางใหม่ในรอบ Q2 เมื่อเขาทำได้ (เช่นที่อินโดนีเซีย) เขาก็สามารถเปลี่ยนมันเป็น “ชัยชนะแรก” ใน MotoGP ได้ทันที แม้เรซนั้นจะมีดราม่าอุบัติเหตุของ มาร์โก เบซเซคกี ช่วยตัดคู่แข่ง แต่ความนิ่งของเขาก็เป็นของจริง
อนาคตของอัลเดเกรถูกผูกไว้ด้วยสัญญาแบบ “2+2 ปี” กับโรงงาน Ducati ซึ่งระบุเงื่อนไขชัดเจนว่า หากเขาทำผลงานได้ดีใน 2 ปีแรก โอกาสสู่ทีมโรงงาน (Factory Team) จะเปิดกว้างในปี 2027
“ผมมั่นใจ 100% ว่าถ้า Ducati เห็นว่าผมพร้อม พวกเขาจะให้ที่นั่งนั้นกับผม แต่ถ้าไม่… เราก็แค่แข่งกับ Gresini ต่อไป” อัลเดเกรกล่าวอย่างมั่นใจ
อุปสรรคใหญ่ที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเพื่อนร่วมทีมอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ ที่ระเบิดฟอร์มเทพในปี 2025 จนคว้าสิทธิ์ใช้รถโรงงาน (GP26) ในปีหน้าไปครอง
ในปี 2026 อัลเดเกรจะเป็น 1 ใน 2 นักบิดที่ต้องใช้รถปีเก่า (GP25) ภารกิจของเขาจึงท้าทายมาก เขาต้องพิสูจน์ให้ Ducati เห็นว่า เด็กหนุ่มอย่างเขามีศักยภาพในระยะยาวที่คุ้มค่ากว่า อเล็กซ์ มาร์เกซ (ที่จะอายุ 31 ปี ในปี 2027) เพื่อแย่งชิงตั๋วใบสำคัญสู่ทีมโรงงานในอนาคต