ณ ใจกลางแคว้นทัสคานี ดินแดนที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี ท่ามกลางหุบเขาที่เรียงรายไปด้วยต้นไซเปรส มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ซึ่งความงดงามของธรรมชาติถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคำรามของเครื่องยนต์และเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มตลอดทั้งคืน ที่นี่คือ “มูเจลโล่” บ้านของ อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักบิดและแฟนความเร็วทั่วโลกว่าเป็นดินแดนที่ “ไม่มีใครได้หลับใหล” (al Mugello non si dorme)
ไม่ใช่แค่สนามแข่ง แต่นี่คือเทศกาลแห่งจิตวิญญาณ
หาก Formula 1 มีโมนาโกเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและพิเศษ MotoGP ก็มีมูเจลโล่เป็นสัญลักษณ์แห่ง “แพสชั่น” ดิบๆ ที่จับต้องได้และสนุกกว่าหลายเท่าตัว ที่นี่ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการมอเตอร์สปอร์ต ที่ซึ่งแฟนๆ ไม่ได้มาแค่ดูรถแข่ง แต่มาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศสุดคลั่งที่ไม่เหมือนใคร
“มันคือเรื่องจริง… เพราะฝูงชนและแฟนๆ ต่างสนุกสนานกันในยามค่ำคืน และมันเป็นค่ำคืนที่ยาวนาน” ดาวิเด้ ทาร์ดอซซี่ ผู้จัดการทีม Ducati กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
บรรยากาศบนเนินเขารอบสนามแข่งไม่ต่างอะไรจากเทศกาลดนตรีร็อกขนาดมหึมา แสงไฟดิสโก้สาดส่องจากใต้รถบ้าน ควันจากพลุไฟและท่อไอเสียคละคลุ้งไปทั่ว เสียงเพลงดังกระหึ่มผสมผสานกับเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่มีวันเงียบ และที่ขาดไม่ได้คือเสียง “เลื่อยไฟฟ้าดัดแปลง” ที่แฟนๆ นำมาเร่งเครื่องเพื่อสร้างเสียงคำราม (Rumore!) ให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปโดยปริยาย
มนต์เสน่ห์แห่งทัสคานีและจิตวิญญาณของเฟอร์รารี่
เสน่ห์ของมูเจลโล่เริ่มต้นตั้งแต่การเดินทาง ถนนที่คดเคี้ยวผ่านหุบเขาและหมู่บ้านโบราณนำไปสู่สนามแข่งที่เปรียบเสมือนอสรพิษที่ขดตัวอยู่กลางแดด สนามแห่งนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของ Ferrari และใช้เป็นสนามทดสอบรถ F1 ของพวกเขา ขอบสนามถูกทาสีเป็นธงชาติอิตาลี และอัฒจันทร์ก็ถูกสร้างให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ
“มูเจลโล่คือแพสชั่นอย่างแท้จริง” ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ นักบิดชาวอิตาเลียนกล่าว “มันคือโฮมเรซของเรา ที่ซึ่งครอบครัว เพื่อน และแฟนๆ มารวมตัวกัน มันเหมือนสเตเดี้ยมที่มีภูเขาล้อมรอบ เป็นสถานที่ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
แม้แต่เรื่องไม่คาดฝันอย่างการเจอ “หมูป่า” วิ่งตัดหน้ารถระหว่างออกไปหาพิซซ่าทาน ก็ยังกลายเป็นอีกหนึ่งสีสันและเรื่องเล่าขานถึงความเป็นธรรมชาติของที่นี่
ความแตกต่างที่ลงตัว
ในขณะที่บนเนินเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่ในพิตเลนกลับอบอวลไปด้วยความหรูหราและพิเศษสุด ทีม Prima Pramac ได้เปลี่ยนโรงรถของพวกเขาให้เป็นห้องอาหารสุดหรู ต้อนรับแขกระดับ VIP ทั้งนักแสดงชื่อดังอย่าง อีริค บานา, อดีตนักขับ F1 มาร์ค เว็บเบอร์ และตำนานนักฟุตบอล ฟาบิโอ คันนาวาโร่ สะท้อนให้เห็นถึงสองด้านของมูเจลโล่ที่แตกต่างแต่ลงตัว
ท้ายที่สุดแล้ว ท่ามกลางปาร์ตี้สุดเหวี่ยง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดบนแทร็กที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในปฏิทิน MotoGP ที่นี่คือที่ที่จิตวิญญาณของความเร็วและแพสชั่นของแฟนๆ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม และตอกย้ำว่าเหตุใดมูเจลโล่จึงเป็นมากกว่าแค่สนามแข่งรถ