เซอร์แกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เปิดเผยว่าเขาไม่คิดถึงการเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษอีกต่อไป และอ้างว่าเขารู้สึกถึง “ภาระ” ของงานนี้ในแต่ละวัน
เซาธ์เกตใช้เวลาเกือบแปดปีในการคุมทีมชาติอังกฤษ และก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว หลังจากที่ทีมของเขาพ่ายแพ้ต่อ สเปน ในรอบชิงชนะเลิศยูโร 2024
ผู้จัดการทีมวัย 54 ปี ยังเคยพาอังกฤษเข้าใกล้ชัยชนะในยูโร 2020 โดยทีมของเขาแพ้ในการดวลจุดโทษให้กับ อิตาลี ที่สนามเวมบลีย์ ขณะที่ในฟุตบอลโลก 2018 “สิงโตคำราม” พ่ายแพ้ให้กับ โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศ
เซาธ์เกตต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตลอดการแข่งขันยูโร 2024 และถูกแฟนบอลขว้างปาแก้วเบียร์เปล่าใส่หลังจากเสมอกับ สโลวีเนีย แบบไร้สกอร์ในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เขาได้รับการยกย่องว่าสามารถฟื้นฟูความคิดเชิงบวกและความภาคภูมิใจที่มีต่อทีมชาติอังกฤษในช่วงที่เขาคุมทีม
“ภาระอันหนักอึ้ง” ที่หายไป และการสนับสนุนทีมชาติจากมุมมองแฟนบอล
“มันแปลกนิดหน่อย [การได้ดูทีม] แต่ผมก็ไม่ได้คิดถึงมัน” เซาธ์เกต ซึ่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” สำหรับการทำคุณประโยชน์แก่วงการฟุตบอลอังกฤษเมื่อวันพุธที่ผ่านมา กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport
“ผมคิดว่ามันสำคัญที่ผมจะอยู่บนโซฟาและไม่ไปขวางทางพวกเขา ตอนนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาแล้ว และผมคิดว่ามันสำคัญที่ผมจะให้พื้นที่กับทีมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ผมคิดว่ามันยากที่จะอธิบาย เพราะจนกว่าภาระนั้นจะหายไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องตระหนักถึงมันเลยในแต่ละวัน ทุกชั่วโมงในแต่ละวันของผมคือการคิดว่าผมจะทำให้ทีมชาติอังกฤษดีขึ้นได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่น เราจะทำสิ่งต่างๆ ให้แตกต่างไปจากเดิมได้อย่างไร” “ดังนั้น ผมคิดว่า… ผู้นำองค์กรใหญ่ๆ ทุกคน คุณจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำงานให้ดีที่สุดได้อย่างไร”
เซาธ์เกต หลีกเลี่ยงการตอบโต้ความคิดเห็นของ โธมัส ทูเคิล
เซาธ์เกตยังลังเลที่จะตอบโต้การประเมินของ โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน ซึ่งอ้างว่าอังกฤษขาดสไตล์การเล่นที่ชัดเจนในยูโร 2024 เมื่อปีที่แล้ว
“ผมไม่คิดว่ามันสำคัญว่าผมจะรู้สึกอย่างไร หรือคิดอะไร” เซาธ์เกตกล่าว “ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือการที่ผมจะให้พื้นที่กับทีม ผู้จัดการทีม ในการทำงาน ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง”
“ผมได้รับประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์ในการนำประเทศของผม แต่ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องก้าวต่อไป และผมจะเป็นแฟนบอลอยู่บ้านเพื่อสนับสนุนพวกเขา”