ภาพของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค, ฟลอเรียน เวียร์ทซ และ อูโก้ เอกิติเก้ ที่จะได้ลงฝึกซ้อมร่วมกันเป็นครั้งแรกในอีกไม่ช้า คือภาพสะท้อนของ “วิสัยทัศน์” ที่กลายเป็นความจริง นี่คือสามประสานแนวรุกที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของตลาดซื้อขายนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ด้วยเม็ดเงินกว่า 450 ล้านปอนด์ที่ถูกใช้ไปเพื่อ “ยกเครื่อง” ขุมกำลังสำหรับภารกิจป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกและทวงบัลลังก์เจ้ายุโรป
แต่เบื้องหลังความบ้าคลั่งนี้ คือแผนการที่ถูกวางไว้อย่างแยบยลและอดทนรอคอยมานานกว่า 12 เดือน…
“เก็บเงินค่าขนม” เพื่อรอ “ของที่อยากได้จริงๆ”
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของ อาร์เน่ สล็อต และผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่อย่าง ริชาร์ด ฮิวจ์ส เลือกที่จะเคลื่อนไหวในตลาดอย่างเงียบเชียบ พวกเขาเชื่อมั่นในขุมกำลังที่มีอยู่ และเลือกที่จะ “เก็บเงินค่าขนม” ตามที่แหล่งข่าววงในได้กล่าวไว้ เพื่อรอ “ของชิ้นใหญ่” ที่พวกเขาต้องการจริงๆ
และ “ของชิ้นใหญ่” ชิ้นแรกก็คือ ฟลอเรียน เวียร์ทซ เพลย์เมกเกอร์อัจฉริยะจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ลิเวอร์พูลเริ่มสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเลเวอร์คูเซ่นมาตั้งแต่ที่ทีมดังจากเยอรมันมาเยือนแอนฟิลด์ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปีก่อน แม้จะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่วิสัยทัศน์ที่ สล็อต และ ฮิวจ์ส นำเสนอ ประกอบกับความต้องการหาความท้าทายใหม่ๆ ของตัวนักเตะเอง ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าลายเซ็นของเวียร์ทซมาครองได้สำเร็จด้วยค่าตัวการันตี 100 ล้านปอนด์ พร้อมเงื่อนไขจ่าย 5 งวดเพื่อลดภาระทางการเงิน
การบ้านที่ทำมาอย่างดีกับ “เอกิติเก้”
การเข้ามาของ อูโก้ เอกิติเก้ ด้วยค่าตัวรวม 79 ล้านปอนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งดีลที่ผ่านการวางแผนมานานหลายเดือน ความจริงที่น่าสนใจคือ ลิเวอร์พูลตั้งใจที่จะเซ็นสัญญากองหน้าคนใหม่ถึง “สองคน” อยู่แล้ว แม้จะยังไม่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าของ ดิโอโก้ โชต้า ก็ตาม
เอกิติเก้ ถูกมองว่าเป็นกองหน้าอเนกประสงค์ที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง และลิเวอร์พูลก็คือตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจของเขามาโดยตลอด แม้จะได้รับความสนใจจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิ่ลก็ตาม การเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจด้วยผลงาน 3 ประตูจาก 4 เกม คือเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพที่ทีมแมวมองของลิเวอร์พูลมองเห็น
มหากาพย์ “อิซัค” และสงครามประสาท
จุดเดือดที่สุดของตลาดซัมเมอร์นี้หนีไม่พ้นมหากาพย์การคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แม้ข้อเสนอแรกที่ 110 ล้านปอนด์จะถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่ทีมงานของลิเวอร์พูลยังคงมั่นใจเสมอว่าจะสามารถปิดดีลนี้ได้สำเร็จ เพราะพวกเขารู้ดีว่าตัวนักเตะต้องการย้ายทีมถึงขนาด “สไตรค์” ไม่ยอมลงซ้อมกับต้นสังกัด
สุดท้าย ความอดทนของลิเวอร์พูลก็เป็นผล เมื่อนิวคาสเซิ่ลยอมรับข้อเสนอ 125 ล้านปอนด์ในวันสุดท้ายของตลาด กลายเป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ และเป็นการปิดฉากตลาดซื้อขายที่ดุเดือดและ “เป็นพิษ” ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ซื้ออย่างชาญฉลาด และ “ขาย” อย่างอัจฉริยะ
นอกจากการซื้อตัวที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ลิเวอร์พูลยังแสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะในการ “ขาย” ผู้เล่นอีกด้วย การปล่อยตัวผู้เล่นอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ ทำให้สโมสรมีรายรับกลับเข้ามาถึง 262 ล้านปอนด์ ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลในช่วงซัมเมอร์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ของกลยุทธ์ที่วางแผนมาอย่างดี ความอดทนในการรอคอยเป้าหมายที่ใช่ และความเด็ดขาดในการเจรจา ลิเวอร์พูลไม่ได้เพียงแค่ทุ่มเงินเพื่อความสำเร็จระยะสั้น แต่พวกเขากำลังสร้าง “ราชวงศ์” แห่งใหม่ขึ้นมา เพื่อครองความยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนังไปอีกนานแสนนาน