7msport

รูเบน อโมริม เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายอมรับว่าเขาไม่รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมไหนจะปรากฏตัวในเกม ยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง กับ แอธเลติก บิลเบา

แม้ว่า ยูไนเต็ด จะกุมความได้เปรียบ 3-0 จากนัดแรก แต่ อโมริม ก็กระตุ้นลูกทีมไม่ให้ประมาทเป็นอันขาดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากยอมรับว่าทีมของเขาสามารถ “สติแตก” ได้เมื่อเจอกับความผิดพลาดในเกม

“มันยากที่จะบอก” อโมริม ตอบเมื่อถูกถามว่าเขารู้หรือไม่ว่า ยูไนเต็ด ทีมไหนจะลงสนาม “บางครั้งในระหว่างเกมเราเป็นทีมหนึ่ง แต่พอมีอะไรเกิดขึ้น เราก็สติแตกไปเล็กน้อย”

จากสถิติ 133 ทีมที่ชนะเกมเยือนนัดแรกในรอบน็อกเอาต์ ยูโรปาลีก หรือ ยูฟ่า คัพ (ชื่อเดิม) ด้วยผลต่าง 3 ประตูขึ้นไป ยังไม่มีทีมใดเลยที่พลาดการเข้ารอบต่อไป แต่เกมกับ โอลิมปิก ลียง ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก็ได้ตอกย้ำถึงความสามารถในการทำลายตัวเองของ ยูไนเต็ด

หลังจากนำ 2-0 ในครึ่งแรกของนัดที่สองและดูเหมือนจะเข้ารอบสบายๆ ยูไนเต็ด กลับมาเสียสองประตูในช่วงท้ายครึ่งหลัง ก่อนจะโดน ลียง พลิกนำ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ มีเพียงการคัมแบ็กในช่วงท้ายเกมที่เหลือเชื่อที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากความอัปยศ และ อโมริม ก็รู้สึกว่าเกมนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าไม่มีที่ว่างสำหรับความประมาทในการเจอกับ แอธเลติก คลับ

“นั่นชัดเจน” อโมริม กล่าว “ถ้าคุณดูฤดูกาลของเรา อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจว่าประตูเดียว – ใบแดงหนึ่งใบ – สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ โมเมนตัมของเกม คุณเห็นมันแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน”

แม้จะนำอยู่ 3-0 จากนัดแรก อโมริม กล่าวว่าเขารู้สึกว่าทีมยังจำเป็นต้องยิงประตูให้ได้เพื่อความแน่ใจในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่ บิลเบา ในวันที่ 21 พฤษภาคม และเข้าใกล้การคว้าถ้วยรางวัล รวมถึงตั๋วไป แชมเปี้ยนส์ลีก มากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาไม่มั่นใจว่า ยูไนเต็ด จะสามารถหยุดยั้ง แอธเลติก คลับ จากการทำประตูได้ แม้ว่าทีมจากแคว้นบาสก์จะไม่มีพี่น้อง วิลเลียมส์ (นิโก้ และ อินญากี้) ที่มีอิทธิพลอย่างสูง รวมถึง โออิฮาน ซานเซ็ต ดาวซัลโวสูงสุด และ ดานี่ บิเบียน ที่ติดโทษแบนก็ตาม

“ถ้าคุณดูทีมของเรา เราไม่สามารถบอกได้ในวันนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อโมริม กล่าว “กับบางทีม [คุณรู้ว่า] เรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้และ [พวกเขา] ควบคุมสถานการณ์ได้ แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องยิงประตูเพื่อเข้ารอบต่อไป เราจะต้องเจ็บปวดบ้างเพื่อไปให้ถึงรอบชิงชนะเลิศ”

แฟนบอล ยูไนเต็ด เองก็ดูจะไม่ประมาทเช่นกัน โดยตระหนักถึงธรรมชาติสองบุคลิกของทีมและจำได้ว่ามีแฟนบอลบางส่วนออกจากสนามไปก่อนในเกมกับ ลียง กลุ่ม Red Army ซึ่งเป็นแกนหลักของอัฒจันทร์ สเตรทฟอร์ด เอนด์ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ เรียกร้องให้แฟนบอลทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการ “ผลักดันให้ผีแดงเข้าเส้นชัย” และตระหนักว่า “การแข่งขันนี้ยังห่างไกลจากคำว่าจบ”

มันเป็นหลังจากเกมที่ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน 1-3 อย่างน่าผิดหวังเมื่อเดือนมกราคม ที่ อโมริม กล่าวว่าทีมของเขา “อาจจะเป็นทีมที่แย่ที่สุด” ในประวัติศาสตร์ 147 ปีของสโมสร และเขาก็ได้ย้ำในครั้งนี้ว่า ยูโรปาลีก ไม่สามารถบดบังข้อบกพร่องที่ชัดเจนใน พรีเมียร์ลีก ได้ ซึ่งพวกเขาแพ้ไปแล้ว 16 ครั้งในฤดูกาลนี้

“ผมคิดว่าคุณต้องดูคำพูดในช่วงเวลานั้น ดังนั้นสิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สำหรับผม ถ้าคุณมองไปที่ พรีเมียร์ลีก ผมคิดว่าเราเป็นทีมที่แย่ที่สุดในแง่ของผลการแข่งขันใน พรีเมียร์ลีก” เขากล่าว “เมื่อจบฤดูกาล เราอาจจะเป็นทีม [ยูไนเต็ด] ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก พร้อมกับถ้วยยุโรป เรารู้ว่าฤดูกาลนี้น่าผิดหวังจริงๆ สำหรับทุกคน ผมรู้สึกแบบนั้นและยังคงรู้สึกว่าฤดูกาลนี้แย่ที่สุด – ผมไม่ได้บอกว่าในประวัติศาสตร์ แต่ในรอบ 50 ปีหลังสุด ผมไม่รู้”

ด้าน เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ โค้ช แอธเลติก คลับ รู้ดีจากประสบการณ์อันขมขื่นว่าการตกเป็นฝ่ายตามหลังในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นั้นเป็นอย่างไร เขาคือโค้ช บาร์เซโลน่า ในปี 2019 ที่ทีมยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลันเสียความได้เปรียบ 3-0 จากนัดแรกในรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 0-4 ที่ แอนฟิลด์ แม้ว่า แอธเลติก คลับ จะไม่ได้เปรียบจากการเล่นในบ้านเหมือน ลิเวอร์พูล ในคืนนั้น แต่ บัลเบร์เด้ ก็หวังว่าลูกทีมของเขาจะสามารถกระตุ้นให้ ยูไนเต็ด ทำลายตัวเองได้