รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัดสินใจเรียกตัว ไทเรลล์ มาลาเซีย แบ็กซ้ายชาวดัตช์ กลับคืนสู่ทีมชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่นักเตะไม่สามารถย้ายทีมได้สำเร็จในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกลายเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มที่ถูกเรียกว่า “bomb squad”
จาก “ส่วนเกิน” สู่การกลับมาที่ไม่คาดคิด
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม สโมสรได้ประกาศแยกซ้อม 5 ผู้เล่นที่แจ้งความจำนงขอย้ายทีม ได้แก่ มาลาเซีย, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่, อันโตนี่ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่ง 4 คนในกลุ่มนี้สามารถย้ายทีมออกไปได้ทั้งหมด เหลือเพียง มาลาเซีย คนเดียวที่ยังคงอยู่กับสโมสร แม้จะได้รับความสนใจจาก เอลเช่ ในสเปน และ เอยุปสปอร์ ในตุรกีก็ตาม
แบ็กซ้ายวัย 26 ปี ต้องเริ่มต้นจากการซ้อมเดี่ยว ก่อนจะถูกส่งไปซ้อมกับทีมชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี แต่ล่าสุด หลังจากการเข้าพูดคุยกับ อโมริม เขาก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่อีกครั้ง
แผนเดิมหรือปฏิกิริยาจากวิกฤต?
แม้ทางสโมสรจะยืนกรานว่าการดึงมาลาเซียกลับมาเป็น “ส่วนหนึ่งของแผนเดิมอยู่แล้ว” และไม่ใช่ปฏิกิริยาจากผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ล่าสุด แต่ช่วงเวลาของการตัดสินใจครั้งนี้ก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเรียกตัวมาลาเซียกลับมาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทีมบุกไปพ่ายแพ้ต่อ เบรนท์ฟอร์ด อย่างยับเยิน 3-1 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 3 ของฤดูกาล และทำให้ทีมร่วงไปอยู่อันดับที่ 14 ของตาราง ส่งผลให้ตำแหน่งของ อโมริม ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก
อนาคตที่ไม่แน่นอนและสถานการณ์ของทีม
ยังคงต้องรอดูต่อไปว่า มาลาเซีย จะได้รับโอกาสลงสนามในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้หรือไม่ โดยนักเตะซึ่งย้ายมาจากเฟเยนูร์ดในยุคของ เอริค เทน ฮาก ด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ ไม่ได้ลงเล่นให้ยูไนเต็ดเลยนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และใช้เวลาครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้วไปกับการเล่นแบบยืมตัวกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น อีกทั้งยังพลาดการลงสนามตลอดทั้งฤดูกาล 2023-24 จากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
ขณะเดียวกัน แม้จะตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แต่มีรายงานว่าบอร์ดบริหารของยูไนเต็ดยังคงให้การสนับสนุน อโมริม ต่อไป โดยกุนซือชาวโปรตุกีสกำลังเตรียมทีมสำหรับเกมถัดไปที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ซันเดอร์แลนด์ ตามปกติ ซึ่งในเกมนี้ทีมจะได้ คาเซมิโร่ พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง