เจสซี่ สไนเดอร์ วัย 18 ปี ลูกชายของ เวสลีย์ สไนเดอร์ อดีตกองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการแล้ว หลังเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร อูเทร็คท์ ในลีกดัตช์
เจสซี่ ได้เซ็นสัญญากับสโมสรหลังจากสร้างความประทับใจในทีมเยาวชน เขาจะลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร ซึ่งอยู่ในลีกดิวิชั่นสองของเนเธอร์แลนด์ เจสซี่ เล่นในตำแหน่งกองกลาง เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ
เขาเป็นลูกชายคนเดียวของ สไนเดอร์ กับภรรยาคนแรก ราโมนา สตรีคสตรา และมีน้องชายต่างมารดาชื่อ เซสส์ ซึ่งเป็นลูกกับ โยลันเธ่ คาบาว ภรรยาคนที่สองของ สไนเดอร์ ที่หย่าร้างกันไปเมื่อปี 2019
ความฝันที่เป็นจริงและการเริ่มต้นใหม่
เจสซี่ แทบจะรอไม่ไหวที่จะลงสนามให้กับ อูเทร็คท์ ในฤดูกาลใหม่ เขากล่าวว่า: “นี่คือความฝันที่เป็นจริง ตั้งแต่เข้าร่วมอะคาเดมีของ อูเทร็คท์ ผมทำงานหนักเพื่อมาถึงจุดนี้”
“การเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรางวัล แต่ก็เป็นการเริ่มต้นก้าวใหม่ด้วย”
“ผมต้องการพัฒนาต่อไป และสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฤดูกาลหน้า”
ความสำเร็จของ เวสลีย์ สไนเดอร์ และความภูมิใจของพ่อ
เจสซี่ ยังคงต้องใช้เวลาอีกมากหากเขาต้องการทาบรัศมีของพ่อ สไนเดอร์ วัย 41 ปี คว้าแชมป์ลีกกับ อาแจ็กซ์ และ เรอัล มาดริด ก่อนที่จะนำ อินเตอร์ มิลาน คว้าสามแชมป์ในปี 2010
กองกลางตัวรุกรายนี้ยังสร้างผลงานโดดเด่นกับ กาลาตาซาราย และ นีซ ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งในปี 2019 กับทีม อัล-การาฟา ของกาตาร์ สไนเดอร์ ทำประตูได้อย่างน่าทึ่งถึง 156 ประตู จากการลงสนาม 575 นัดตลอดอาชีพ และเขายังยิงได้ 31 ประตู จาก 134 นัดให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์
สไนเดอร์ ได้เปิดเผยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความสำเร็จของ เจสซี่ และเขายังได้แสดงความยินดีกับลูกชายบนโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวว่า: “ผมภูมิใจในตัวคุณมากจริงๆ”
“ย้ายไป อูเทร็คท์ ตอนอายุ 15 ปี และเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกหลังจากสามปี! ความเพียรพยายามและพลังใจของคุณได้รับผลตอบแทนแล้ว”
การเซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกของ เจสซี่ สไนเดอร์ ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางนักฟุตบอลของเขา ซึ่งเป็นไปตามรอยเท้าของพ่อผู้เป็นตำนาน