7msport

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไล่ต้อน อินเตอร์ ไมอามี่ ขาดลอย 4-0

Lionel Messi

การแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนาม เมอร์เซเดส-เบนซ์ สเตเดี้ยม เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา จบลงด้วยชัยชนะสุดเหนือชั้นของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เอาชนะ อินเตอร์ ไมอามี่ ขาดลอย 4-0 จากผลงานของ ชูเอา เนเวส เหมาคนเดียว 2 ประตู, การทำเข้าประตูตัวเองของ โตมาส อาบีเลส และลูกยิงของ อาชราฟ ฮาคิมี่ ก่อนหมดครึ่งแรก

ในช่วงสองนาทีสุดท้ายของเกม แฟนบอลหลายพันในสนามต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกช่วงเวลาสำคัญ — ไม่ใช่เพราะสกอร์ แต่เพราะ ลิโอเนล เมสซี่ ยืนอยู่หน้ากำแพง เตรียมยิงฟรีคิกลูกสุดท้ายของเกม แม้ทีมของเขาจะตามหลังอยู่สี่ประตู และหมดหวังแล้วก็ตาม แต่แฟนบอลหวังจะได้เห็นจังหวะมหัศจรรย์จากชายผู้นี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ลูกยิงของ เมสซี่ ชนเข้ากำแพงของผู้เล่น เปแอสเช และนั่นเป็นสัญญาณสุดท้ายที่บ่งบอกว่า “ความจริง” ถูกกำหนดไว้แล้ว

ก่อนเกม ฆาเบียร์ มาสเคราโน่ เฮดโค้ชของ อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ออกมายอมรับตามตรงว่าไม่คาดหวังว่าจะได้มีโอกาสลงเล่นเกมนี้ และเมื่อถึงเวลาจริง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาพูด เพราะทีมของเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้เล่นเลยในครึ่งแรก

ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ โชว์ศักยภาพระดับแชมป์ยุโรปออกมาเต็มที่ เริ่มจากลูกโหม่งของ ชูเอา เนเวส ในนาทีที่ 6, จากนั้น ฟาเบียน รุยซ์ ยิงเข้าแต่โดนจับล้ำหน้า, ต่อด้วยลูกยิงของ อาชราฟ ฮาคิมี่, การทำเข้าประตูตัวเองของ อาบีเลส, และจังหวะที่ วิตินญ่า จ่ายทะลุให้ แบรดลีย์ บาร์โกลา พาบอลเข้าไปถึงเส้นหลังก่อนเปิดให้ ฮาคิมี่ ยิงซ้ำเข้าไปอีกครั้งในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก

ในครึ่งแรก ลิโอเนล เมสซี่ สัมผัสบอลเพียง 14 ครั้ง ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ ได้บอลแค่ 17 ครั้ง ด้าน เซร์คิโอ บุสเกตส์ จ่ายบอลสำเร็จเพียง 10 ครั้ง ส่วน เฟเดริโก เรดอนโด้ 12 ครั้ง เป็นภาพสะท้อนว่าทีมจากสหรัฐฯ ถูกกดดันจนแทบทำอะไรไม่ได้

เปแอสเช ครองบอล 73% ยิงรวมทั้งหมด 19 ครั้ง และสร้างเกมบุกอย่างเป็นระบบ เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความสด หรือแท็คติก

ช่วงครึ่งหลัง อินเตอร์ ไมอามี่ พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น และมีโอกาสลุ้นประตูบ้าง โดยเฉพาะลูกโหม่งของ เมสซี่ ที่ถูก จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นเพียงจังหวะเดียวที่ใกล้เคียงเท่านั้น

ท้ายที่สุด แม้จะมีเสียงเชียร์และกล้องนับพันจับไปที่ เมสซี่ แต่ความจริงก็ชัดเจน — เกมนี้คือการแสดงความต่างของระดับ และคือภาพสะท้อนว่าแม้จะมีซูเปอร์สตาร์ ก็ไม่อาจชดเชยช่องว่างด้านคุณภาพได้